เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 163 โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงหลังจากนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายห่วงใยกรณีนายเศรษฐาเป็นนักธุรกิจมาเล่นการเมือง และแสดงความห่วงใยเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ว่า การที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ กรุณาให้โอวาทแก่น ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติ และขอน้อมรับคำติ คำแนะนำ ข้อแนะนำ ข้อควรระวัง ที่ท่านพูด ท่านอาจจะไม่รู้จักตนดีพอ ถึงเรียกชื่อตนผิดในตอนต้น ขอย้ำว่าชื่อตนคือ “เศรษฐา” ไม่ใช่ “เชษฐา” และท่านกรุณาบอกปูมหลังว่าตนทำอะไรมาก่อน ซึ่งแม้ตนเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่ยืนยันว่าการที่ตนมาอยู่ตรงนี้ ก็รักประเทศชาติ ต้องการที่จะเห็นประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติและยืนที่รัฐสภาอันทรงเกียรติ ก็มีความตั้งใจมาด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง มาด้วยความตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และเข้าใจว่าตนเองมีความรู้ขั้นหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ อย่างกรณีที่นายชวนระบุถึงความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ 20 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตกว่า 7500 คน ซึ่งตนก็เศร้าใจตั้งแต่ก่อนเดินเข้าสู่สนามการเมืองอย่าว่าแต่ 7,500 คนเลย เพราะแม้แต่ 1 ชีวิตก็ถือว่ามากเกินไป

“ถือว่าเป็นความเห็นตรงกันว่า ความสูญเสียไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่การแก้ปัญหา หรือความเข้าใจถึงความลึกของปัญหาอาจจะต่างกัน หรือวิธีการที่เราจะนำไปปฏิบัติต่อไปในอนาคต ตนมั่นใจว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชนโดยพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค นั้นให้ความสำคัญกับความสงบสุขใน 3 จังหวัดภาคใต้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา  กล่าวต่อว่า กรณีมีข้อถกเถียงกันมานานเกี่ยวกับเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ท่านอดีตนายกชวนก็ได้กล่าวถึงการเลือกปฏิบัติ ซึ่งตนคงไม่ไปถกเถียงด้วย น้อมรับข้อความที่ท่านได้พูดมา อย่างไรก็ตามตนมีข้อมูลเช่นกันว่า ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่เกิดวิกฤตสึนามิ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ลงพื้นที่พร้อมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพี่น้องเอกชนหลายคนเพื่อดูแลพื้นที่ กินอยู่ที่ภูเก็ตและจังหวัดข้างเคียง ดูแลอย่างเต็มความสามารถที่สามารถทำได้ จนเป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งนี้หากผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ไม่ควรมีการเลือกปฏิบัติเพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนทั้งประเทศ แม้ว่ารัฐบาลนี้จะมี สส.ในภาคใต้เลยก็ตาม แต่ก็เป็นความตั้งใจสูงสุดของตนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องให้ความเป็นธรรม ต้องให้ความเสมอภาค ต้องให้ความเท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน  

ทั้งนี้ ตั้งแต่ยังไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ในการบริหารราชการแผ่นดินจังหวัดแรกที่ตนลงไปคือจังหวัดภูเก็ต แม้ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีสส.หรือแม้แต่คนเดียว ตนให้ความสำคัญกับจังหวัดภูเก็ต กับภาคใต้ ซึ่งกระทำเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูดว่า รัฐบาลนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร ซึ่งหลังรับฟังข้อมูลในครั้งนั้นมาแล้ว วันนี้ (12 ก.ย.) ก็มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะลงพื้นที่อีกครั้งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อดูเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ดูเรื่องความเป็นไปได้ในการจัดสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต ซึ่งทีมงานเสนอแนะมาว่า เพื่อเป็นการเข้าถึงอย่างทั่วถึง จึงควรเปลี่ยนจากคำว่า “สนามบินนานาชาติภูเก็ต” มาเป็น “สนามบินอันนามัน อินเตอร์เนชั่นแนล” ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงจังหวัดพังงา กระบี่และระนอง ซึ่งทั้ง 4 จังหวัดนี้ไม่มีสส.ของพรรคเพื่อไทย เลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นขอยืนยันว่าการมาดำรงตำแหน่งนี้ วันนี้ ที่นี่ เจตนารมณ์ของตนชัดเจนว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะนำพารัฐบาลที่เป็นของประชาชน คนไทยทุกคน.