จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำตัวชายรายหนึ่ง ออกมาจากห้องสอบสวน (ห้องประชุมวงษ์ปิ่น) โดยได้นำตัวแบบรีบร้อนขึ้นรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ ออกไปจากกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 โดยบอกกับสื่อมวลชนแต่เพียงว่า จะนำตัวไปสอบสวนต่อนั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว มีรายงานว่า ชายคนดังกล่าวทราบว่า ทำงานเป็น รปภ. ที่บริษัท ป.รวีกนกก่อสร้าง โดยให้การว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ทำงานเป็น รปภ. ดูแลเฝ้าที่หน้าประตูบริษัท ซึ่งปกติเวลาที่ออกมาทำงาน จะพกพาอาวุธปืนออกมาด้วย เพื่อใช้ในการดูแลทรัพย์สิน และตัวเอง ในเวลาอยู่เวรยามในช่วงกลางคืน

โดย รปภ. คนดังกล่าว ยังระบุว่า ในเวลาเกิดเหตุ หลังได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงได้ชักอาวุธปืนกระบอกพกติดตัวออกมาถือไว้ข้างกาย แต่ไม่ได้ยิงออกมา เหตุที่ต้องถืออาวุธปืนนั้น เพราะจะใช้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับ กำนันนก ในระหว่างนั้น ซึ่งตัว กำนันนก เองนั้น ก็เป็นญาติๆ กัน

สำหรับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว เป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ชื่อเจ้าของอาวุธปืนนั้น เป็นของญาติทางฝ่ายแม่กำนันนก เป็นคนที่ซื้อมาให้ ซึ่งจะนำมาใช้ในการเฝ้ายามที่บริษัท

ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจยึดปืนครั้งนี้ เกิดจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุ โดยเห็นภาพชัดว่า รปภ. คนดังกล่าว ถือปืนกระบอกนี้ เดินไปเดินมาในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุด้วย จึงตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม รปภ. ต้องถือปืนในวันเกิดเหตุด้วย จึงสอบประเด็นนี้อย่างละเอียด พร้อมจะนำตัวสมาชิก อบต. ที่เป็นเจ้าของปืนกระบอกนี้ เข้ามาสอบปากคำด้วย เพราะยังไม่เคยเรียกมาสอบปากคำและถือเป็นตัวละครใหม่ในคดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จาก พฐ. ได้มาดำเนินการเก็บคราบเขม่า และรอยนิ้วมือจาก รปภ. เพื่อหาความเชื่อมโยงในคดี.