เมื่อวันที่ 6 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหาด รับแจ้งจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีคนไทยถูกชาวกัมพูชา 3 ราย บุกเข้าปล้นเงินจำนวนกว่า 1 หมื่นบาท เหตุเกิดที่บ้านทับทิมสยาม หมู่ 10 ซอย 2 ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว จากนั้นจึงรายงานด่วนไปยัง พ.ต.อ.จากเทพ ผงผาย ผกก.สภ.คลองหาด ให้รับทราบ พร้อมนำกำลังชุดสืบสวน สนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง ลงพื้นตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบนายนิคม (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ให้การว่า เวลาประมาณ 04.30 น. ที่ผ่านมา มีชายชาวกัมพูชาจำนวน 3 คน เข้ามาปล้นทรัพย์ที่บ้าน โดยคนร้ายได้จับมัดแขน มัดขา ติดไว้กับโซฟาไม้ บริเวณใต้ถุนชั้นล่างของบ้าน โดยใช้เชือกผูกเปลมัดและใช้ผ้าอุดปากไว้ และได้เอาเงินสดในกระเป๋าสะพายไป 800 บาท ก่อนที่คนร้ายได้ใช้เครื่องมือสแกนบัตรกดเงินในบัญชีออกไปเป็นเงิน 18,000 บาท แล้วหลบหนีไป

จากการสืบสวนพยานแวดล้อมและพยานบุคคลจนทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวไม่ได้ยินและไม่พบเห็นเหตุการณ์คนร้ายบุกเข้าปล้นทรัพย์ของนายนิคม แต่อย่างใด ตรวจสอบภายในบ้านพบ นางหมวยแก้ว ชาวกัมพูชา ภรรยาของนายนิคม นอนพักอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน สอบถามปากคำให้การว่า ไม่ได้ยินเสียงและไม่มีเหตุการณ์คนร้ายเข้าปล้นทรัพย์แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงนำตัวนายนิคม มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.คลองหาด ถึงเหตุการณ์ สาเหตุ แรงจูงใจ และเงินในบัญชี 18,000 บาท ที่คนร้ายได้สแกนออกไป ซึ่งนายนิคมยืนยันว่า มีเงินอยู่ในบัญชีจริง จากนั้นจึงได้นำนายนิคม ไปกดเช็กยอดที่ตู้เอทีเอ็ม พบมียอดคงเหลือ 47 บาท และไม่มียอดเงินตามบัญชีที่กล่าวอ้าง

กระทั่งนายนิคม ได้ให้การรับสารภาพว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กุเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกภรรยา เนื่องจากตนได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จนหมดแล้ว โดยนำไปให้กับกิ๊ก ซึ่งเป็นช่างเสริมสวยอยู่ที่เมืองสระแก้ว ที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊กและพูดคุยจีบกันมานานประมาณ 1 ปี และได้ขอเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ครั้งแรก 2,000 บาท, ครั้งที่ 2 ให้ไปอีก 3,000 บาท ล่าสุด เพิ่งให้ไปอีก 5,000 บาท รวมเงิน 10,000 บาท จึงทำให้ไม่มีเงินเหลือไปจ่ายค่าจ้างรถไถไร่มันจำนวน 6,000 บาท

“ในวันพรุ่งนี้กลัวว่าภรรยาจะรู้เรื่อง จึงกุเรื่องขึ้นว่าถูกปล้น โดยนัดแนะกับชาวกัมพูชา 3 ราย ที่รู้จักกันและเคยข้ามมาทำงานรับจ้างฝั่งไทย ให้ทำทีเป็นคนร้ายเข้ามาปล้นและจับมัดไว้กับโซฟาไม้ แล้วใช้ผ้าอุดปากไว้ ก่อนหลบหนีข้ามไปฝั่งกัมพูชา โดยให้ค่าจ้างคนละ 100 บาท” นายนิคม กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา “แจ้งความเท็จกับพนักงานฯ” ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.