เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เกี่ยวกับ “บุ้งทะเล” โดยระบุข้อความว่า

“ช่วงนี้ในทะเลอ่าวไทยมีอะไรแปลกๆ หลายอย่าง เช่น ตัวยึกยือที่เห็นในภาพ เป็นสัตว์ที่เรียกว่า “บุ้งทะเล” คันมาก เพื่อนธรณ์เจอแล้วอย่าไปจับนะครับ ผมเคยโดนมาแล้ว แสบคันเหมือนโดนหนอนบุ้งผีเสื้อเลยครับ ตอนนี้มีรายงานบุ้งทะเลขึ้นมาตามชายฝั่ง ตามเกาะในอ่าวไทยฝั่งตะวันตก บุ้งทะเลเป็นหนอนปล้อง พวกเดียวกับแม่เพรียงและไส้เดือนทะเล บุ้งทะเลอยู่ใทะเลตลอดเวลา การเข้ามาเกยชายฝั่งเกิดเพราะกระแสน้ำหรือคลื่นลม จุดสำคัญคือขนละเอียดมากเหมือนบุ้ง ไม่แนะนำให้จับ หยิบ โดน หรือไปเล่น โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเตือนคุณลูกหากลอยมาติดหาดเยอะๆ

บุ้งทะเลอยู่ในน้ำ ว่ายน้ำเก่ง อาจโดนเราได้ หากเห็นต้องระวังอย่าไปโดน หากมีเยอะไปก็หลีกเลี่ยงการลงน้ำ หากโดนเข้าไป จะแสบคันเหมือนโดยขนบุ้ง อย่าเกาอย่าถู ต้องพยายามเอาขนออก แต่มันทำยากมากครับ สมัยก่อนใช้เทียนไขคลึงเบาๆ หรือใช้ขี้ผึ้ง ปัจจุบันจะแก้ยังไงก็ตามถนัด หลักการคือเอาขนออกจากผิวหนังเรา จากนั้นก็ทาครีมแก้คัน

บุ้งทะเลไม่มีพิษ คันเพราะขน ไม่ต้องแก้พิษเหมือนแมงกะพรุน น้ำส้มสายชูหรือใดๆ ไม่มีประโยชน์ ปกติในทะเลกระจายกันอยู่ ไม่ได้มาทีเยอะๆ แต่บางช่วงเวลาอาจเจอเยอะหน่อย เช่น ช่วงผสมพันธุ์ แต่ก็ไม่ได้เยอะปานนี้ ผลกระทบต่างๆ ที่เราทำต่อทะเล อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น แพลงก์ตอนบลูมที่เกิดบ่อยขึ้น อาจทำให้ลูกสัตว์บางชนิดช่วงที่เป็นแพลงก์ตอนวัยอ่อนรอดมากขึ้น เนื่องจากมีแพลงก์ตอนพืชให้กินเยอะ

ย้ำว่านั่นเป็นสมมุติฐาน เรายังต้องทำความเข้าใจอะไรอีกเยอะ เพราะทะเลยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน ธาตุอาหาร มลพิษ และโลกร้อน ทำให้เกิดอะไรแปลกๆ ตอนนี้เอาเป็นว่า เตือนเพื่อนธรณ์ไว้ หากเจอจะได้ระวัง หากเยอะจัดก็อย่าลงน้ำ หากโดนก็แก้ตามที่บอกไว้ เป็นทะเลที่เริ่มเดาทางไม่ได้ ผลที่เราก่อเริ่มย้อนกลับมาหาเราในรูปแบบต่างๆ แล้วครับ”..

ขอบคุณภาพประกอบ : Thon Thamrongnawasawat