เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ โรงแรม SC PARK ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงและเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กลุ่มแรงงานชาวไทยที่เดินทางกลับประเทศเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล มาเข้าพักที่โรงแรมระหว่างรอญาติมารับกลับภูมิลำเนา จำนวน 90 ราย ด้วยสายการบิน Fly Dubai โดยเช้านี้คนไทยได้เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อเวลา 07.25 น. ณ สนามบินอู่ตะเภา ก่อนมาที่โรงแรม SC Park และญาติสามารถมารับตัวกลับภูมิลำเนาได้ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ถึงกรณีการเตรียมให้ความช่วยเหลือเรื่องหนี้สินของแรงงานไทย ที่ได้มีการกู้หนี้ยืมสินทั้งในและนอกระบบก่อนการเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ว่า สำหรับการประชุมของรัฐบาลในชั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการนำเรื่องที่แรงงานไทยกลับจากอิสราเอล และได้รับผลกระทบในครั้งนี้ไปพูดคุยกันใน ครม. เพื่อจะหาทางช่วยเหลือต่อไป และสำหรับทุกท่านที่เดินทางกลับมาในวันนี้ ตนรับทราบจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ว่าการที่ทุกท่านเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลถือว่าเป็นแนวหน้าในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ เพื่อส่งเงินมาดูแลชุมชนและดูแลครอบครัว ดังนั้น ส่วนหนึ่งที่กระทรวงยุติธรรมอยากจะให้ความช่วยเหลือ คือ ปัญหาเรื่องหนี้สินที่มาจากการกู้ยืมทั้งในและนอกระบบ ตนทราบว่าเกือบทุกคนอาจจะมีการกู้หนี้ยืมสินไว้ นอกจากนี้ หนี้สินของแต่ละรายบุคคลนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปตรวจสอบละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกท่านได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหนี้นอกระบบ ทางหน่วยงานก็จะดำเนินการรวบรวมและส่งให้ทางคณะรัฐมนตรีได้ดูแล เพราะในการไปทำงานที่อิสราเอล แต่ละคนไปเพียงไม่นานและค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็มีจำนวนมาก

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ตนได้สอบถามแรงงานไทยหลายคน ทราบว่ามีการกู้เงินเพื่อไปทำงานที่อิสราเอล ซึ่งก็มีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ กระทรวงยุติธรรมจะช่วยรวบรวมปัญหาดังกล่าวของแรงงานนำเสนอให้ ครม. ได้ร่วมกันรับทราบและแก้ไข อย่างไรก็ตาม สำหรับกระทรวงยุติธรรมจะมีศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และกรมบังคับคดี อีกทั้งในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ตนจะสั่งการให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมสำรวจรายชื่อและรายละเอียดเรื่องหนี้สินของแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล ว่า แต่ละคนมีหนี้สินจำนวนเท่าไร อย่างไร เป็นหนี้นอกระบบหรือในระบบ เป็นต้น แต่ยืนยันว่าไม่เป็นการไปเพิ่มภาระให้พวกเขาอย่างแน่นอน ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานยังคงเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว แต่หากมีสิ่งใดที่กระทรวงยุติธรรมของเราพอมีเครื่องมือ หรือมีหน่วยงานภายใต้กำกับที่ช่วยเหลือสนับสนุนเรื่องข้อมูลได้ กระทรวงยุติธรรมยินดีเต็มที่

“ถ้าเป็นหนี้นอกระบบ อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าผิดกฏหมาย เราก็จะไปช่วยดำเนินการประสานเรื่องราวกับทาง ครม. เพื่อหาทางช่วยเหลือ หรือถ้าหากเป็นหนี้ที่มาจากการกู้ยืมกับสถาบันการเงิน ก็จะมาพิจารณากันว่าจะมีการพักหนี้ได้หรือไม่ พักต้นพักดอกได้หรือไม่ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่กระทรวงยุติธรรมสำรวจนี้ จะรวบรวมให้ทางคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ” พ.ต.อ.ทวี ระบุปิดท้าย.