เมื่อวันที่ 23 ต.ค. นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือ เขื่อนลำปาว เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว ล่าสุดมีปริมาณไหลเข้าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปริมาณน้ำไหลเข้าเริ่มลดลง โดยปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,974 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 99.71 เปอร์เซ็นต์ จากความจุกักเก็บ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ ภาพรวมดีขึ้น ระดับน้ำหน้าอ่างลดลงต่อเนื่อง ทางโครงการฯ จึงได้ปรับลดการระบายน้ำลงอีก เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และเกษตรกรตั้งแต่ จ.กาฬสินธุ์ ไปจนถึง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นการลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน รวมทั้งเพื่อความเสถียรภาพของตัวเขื่อน

โดยได้มีการปรับลดปริมาณการระบายน้ำลงแบบขั้นบันไดมาตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. ปรับการระบายน้ำจาก 17.50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเป็น 15.60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน, วันที่ 21 ต.ค. ปรับการระบายเป็น 12.08 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน, วันที่ 22 ต.ค. ปรับการระบายเป็น 10.30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และล่าสุดวันนี้ 23 ต.ค. ปรับการระบายลงอีกเป็น 8.59 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนสาเหตุที่จะต้องปรับลดลงแบบขั้นบันไดนั้น เพื่อป้องกันตลิ่งแม่น้ำทรุด รวมทั้งจะติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งหากไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดพายุ หรือฝนตกหนักในพื้นที่ ทางโครงการฯ จะปรับลดการระบายน้ำลงอีก และคาดว่าจะสามารถปิดประตูบริเวณอาคารระบายน้ำ เพื่อหยุดการระบายน้ำภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะกักเก็บน้ำไว้ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ในช่วงฤดูแล้งอย่างเต็มความสามารถของเขื่อนลำปาวต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่ได้รับผลกระทบ ทั้งพื้นที่ด้านเหนือเขื่อนและด้านท้ายเขื่อนรวม 10 อำเภอ 58 ตำบล 399 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 11,152 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 898,841 ไร่ และถนนเสียหาย 247 เส้นทาง ซึ่งหลังจากนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการสำรวจความเสียหาย เพื่อที่จะช่วยเหลือและเยียวยาต่อไป.