นายเคตะ เอกาชิระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย คาดว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต จากการขยายตัวของเมือง เนื่องจากผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้น ความต้องการต่อระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจจึงเพิ่มขึ้น และวิถีชีวิตคนไทยที่มีครอบครัวขนาดเล็กลง ส่งผลให้คนดูแลบ้านน้อยลง ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยจึงเพิ่มมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องตนเองและทรัพย์สิน

ทั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทมีแผนรุกตลาดสังคมสูงวัยด้วย Smart Security Care เจาะกลุ่มคนทำงานที่ต้องดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ สิ้นปีพ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 13 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ 10% เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง และอีก 4.6% เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ด้วยกันดูแลซึ่งกันและกัน 

นอกจากนี้ จำนวนผู้สูงวัยคาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราการเกิดที่ต่ำและอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น ทำให้ตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงวัยจึงมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยในด้านความปลอดภัย ผู้สูงวัยเป็นกลุ่มเกษียณอายุที่เปราะบางและเสี่ยงต่ออันตรายต่าง ๆ ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันผู้สูงวัยมักไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการจะต้องคำนึงถึง ความง่ายในการใช้งาน ความสะดวก ความปลอดภัย ราคาที่เหมาะสม จนถึงบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ

สำหรับจุดเด่น คือ ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติจะติดต่อลูกค้าและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งเตือนทั้งสมาชิกในครอบครัวกรณีที่ผู้สูงวัยมีปัญหาสุขภาพ สมาชิกครอบครัวสามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านทางแอปพลิเคชัน และในกรณีฉุกเฉินจะช่วยประสานงานจัดเตรียมรถพยาบาลตามความจำเป็น