เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 1 พ.ย.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) และสส.พรรคก้าวไกล เพื่อพิจารณาลงมติผลสอบสวนสส.พรรคก้าวไกล 2 ราย ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ที่คณะกรรมการวินัยของพรรคพิจารณาแล้วเสร็จ กรณีถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศทีมงานสาวของพรรค โดยใช้เวลาในการหารือกว่า 6 ชั่วโมง ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงของการลงมติว่าเห็นควรจะต้องลงโทษสส.ทั้ง 2 รายในสถานใดหรือไม่ ที่ประชุมได้มีการเก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของกก.บห. และสส.ที่มีสิทธิ์ลงมติ โดยนำออกมาวางนอกห้องประชุมด้วย

ต่อมาในเวลา 23.15 น. หลังการประชุมแล้วเสร็จ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารและสส.ของพรรคก้าวไกล มีความเห็นว่าทั้ง 2 กรณี มีพฤติการณ์คุกคามทางเพศจริง ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง จึงมติให้นายวุฒิพงศ์ พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ขณะที่นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เนื่องจากเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ กก.บห.และ ส.ส.ที่มีอยู่ จึงยังไม่สามารถขับนายไชยามพวานพ้นจากสมาชิกได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรติดสิทธิพึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก อาจจะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมตั้งเงื่อนไขว่านายไชยามพวานจะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษต่อสังคม และชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย แต่หากนายไชยามพวานยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษและเยียวยาผู้เสียหายก็จะมีการประชุมกันอีกครั้งเพื่อมีมติขับออกจากสมาชิกพรรค 

 นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ความต่างที่เกิดการถกเถียงกันของ 2 กรณีนี้คือ ในหนึ่งกรณีที่เห็นตรงกันมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคจนกระทั่งเป็น สส. และใช้อำนาจของตัวเองในการปกปิดความผิดจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่ประชุม สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่ามาตรการลงโทษมีความรุนแรงแตกต่างกัน  

นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างไรก็ตามแม้ว่าไม่ได้เกิดการบังคับเขินใจและไม่ได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริงๆ หากอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน หากคนที่อยู่ในสถานะที่สามารถให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือทีมงาน ตรงนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม จะมาอ้างว่ายินยอมพร้อมใจไม่ได้ 

เมื่อถามว่าหากมีการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมของสภาเพื่อตรวจเรื่องนี้พรรคก้าวไกลยินดีให้ตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าจะมีการตรวจสอบพรรคก็ให้ความร่วมมือยู่แล้ว และโดยพื้นฐานพรรคก็มีมติชัดเจนตั้งแต่กรรมการวินัยฯและคณะกรรมการบริหารว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง 

เมื่อถามว่าแม้ว่าโทษของที่ประชุมจะไม่เหมือนกัน แต่มติของกรรมการวินัยฯ และกก.บห.พรรคเห็นตรงกันว่าผิดวินัยร้ายแรงทั้งคู่จะมีการขอให้ทั้ง 2 ลาออกจาก สส.เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่  นายชัยธวัช กล่าวว่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทั้ง 2 คน บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นเรื่องที่พึงทำ และตนเชื่อมั่นว่าแม้คนที่ทำผิด หากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมพร้อมจะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าไปคิดว่าความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิดและจำเป็นต้องรอกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดก่อนเท่านั้น 

“ผมก็สนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวหาพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี” นายชัยธวัช กล่าว