ถึงแม้จะปิดสมัยประชุมสภาการเมืองแทนที่จะเย็นลง ตามสภาพอากาศ กลับมีแต่เรื่องร้อน เกิดการขบเหลี่ยมการทำงานทั้งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯกับ ไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯออกมาโวยถูก ร.อ.ธรรมนัส กินรวบ โดยล้วงลูกไม่มีอำนาจสั่งการในสายงานที่ดูแล แม้กระทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พอถึงสุดทางแล้วภาพที่เห็นคือ “พี่อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กอดคอ”ร.อ.ธรรมนัส” ยิ้มร่า ไม่ถือหางคนในพรรคด้วยกันเองกลับไปถือหาง “ร.อ.ธรรมนัส” ท่ามกลางกระแสข่าวเตรียมเข้าพรรคเพื่อไทย ถือเป็นปมร้อนคุกรุ่นไม่ดับลงง่ายๆแน่นอน ระวังจะกลายเป็นคลื่นใต้น้ำในอนาคต ส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล  

ล้อกับเรื่องร้อนอีกเรื่องกรณีเครือข่ายชาวไร่อ้อยขู่ปิดโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ หลังครม.เห็นด้วยกับกระทรวงพาณิชย์โดย “ภูมิธรรม” เสนอครม.ให้น้ำตาลเป็นสินค้าควบคุมขายไม่เกินกิโลกรัมละ 25 บาท และสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เพราะไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องบริโภคสินค้าที่แพงขึ้น

ถึงแม้“น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รมว.อุตสาหกรรม จะออกมาบอกว่า การที่กระทรวงพาณิชย์ตรึงราคาน้ำตาลเป็นสินค้าควบคุม ไม่ได้เป็นการหักหน้า แต่ในเชิงทางการเมืองเรียกอาการนี้ว่า ขบเหลี่ยมแม้จะยังถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ แต่เชื่อว่าการทำงานหลังจากนี้ ยังมีอีกหลายปมร้อน ให้ปีนเกลียว จนอาจกระทบสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งปรับจูนเพื่อประคองรัฐบาลไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ต่อด้วยสถานการณ์สู้รบ‘อิสราเอล-ฮามาส’ส่อขยายวงกว้างในระดับภูมิภาค “รัฐบาลเศรษฐา” ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์บีบหัวใจ คือ การนำแรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน กลับมาประเทศอย่างปลอดภัยให้ได้ถึงแม้การเจรจาช่วยกันทุกช่องทาง ทั้งฝ่ายตัวแทนรัฐบาล ฝ่ายตัวแทนรัฐสภา และกลุ่มพวกเอ็นจีโอ ต่างๆ จนมีสัญญาณบวกคาดว่าจะได้รับข่าวดี

 สอดรับที่ คณะที่ปรึกษาวันนอร์ “อารีเพ็ญ” อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์  ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาเปิดเผยว่า สภาได้ส่งตัวแทนไปพบ “กลุ่มฮามาส” ขอให้ปล่อยตัวประกันคนไทย ซึ่งรอ “กลุ่มฮามาส”แจ้งวันที่ชัดเจนโดย วันมูหะมัดนอร์ มะทาประธานสภา จะบินไปรับด้วยตัวเอง

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะทำอะไรควรต้องดูถึงผลกระทบด้วย การช่วยกันเป็นเรื่องดีด้วยกันทั้งนั้น ขอให้ผลที่ได้ออกมาเป็นสัญญาณบวกตามที่ “นายกฯเศรษฐา”บอกไว้ แต่จากเหตุการณ์นี้รัฐบาลต้องนำกลับมาคิดว่า อนาคตประเทศจะวางแผนระยะยาวให้กับแรงงานไทยที่ไปทำงานยังประเทศเสี่ยงภัยอย่างไร ไม่ใช่ทำงานแบบไฟลนก้นแก้ปัญหาแค่เพียงเฉพาะหน้าเท่านั้น

ดังนั้น “รัฐบาลเศรษฐา” ทีนำโดยพรรคเพื่อไทยที่เก๋าเกมการเมือง น่าจะรู้ดีว่าอะไรควรทำช่วงจังหวะเวลาไหนดังนั้นคงยังไม่อยากให้เกิดศึกรอบด้านขึ้นมาตอนนี้เลย เพราะเวลานี้ “รัฐบาลเศรษฐา” ต้องรับศึกหนัก ต้องถอยออกมาตั้งหลัก เพราะเจอสัญญาณอันตรายจากโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1หมื่นบาท ที่ต้องเดินหน้าลุยไฟไปให้ได้ท่ามกลางกระแสเสียงคัดค้านดังกระฮึ่ม  ว่าโครงการนี้อาจจะไม่เหมาะสมในห่วงเวลานี้ และได้ไม่คุ้มเสีย เห็นได้จากองค์กรตรวจสอบต่างๆ ต้องลุกขึ้นมาตั้งคณะทำงานจับตาการทำงานทันที

จึงเห็นรัฐบาลเล่นเกมยื้อที่ล่าสุด“เสี่ยหนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังออกมาบอกความคืบหน้า ว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินหมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือ “บอร์ดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เด้งเชือกไปมา หลังเลื่อนการประชุมฯไปหลายยก เพราะยังมีปัญหาเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่รัฐบาลยังไม่ตกผลึก คิดไม่ตกว่า จะเอามาจากไหน ส่อแววเลื่อนจ่ายเงินออกไปเป็นก.ย.67 ไม่ทันช่วงสงกรานต์

เป็นฉากละครการเมืองที่รัฐบาลต้องเดินเกมยื้อเวลาให้ถึงที่สุด เมื่อจับต้นชนปลายแล้วก็ยังมีปัญหาทุกจุด หากจะล้วงกระเป๋าจากธนาคารออมสิน ก็ทำไม่ได้ขัดกฎหมาย เรื่องนี้จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาล ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ดี เงิน 5.6 แสนล้านบาท ที่“เสี่ยนิด” “นายกฯสายเปย์” ชี้ว่าเงินนี้ช่วยกระชากระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จะเอามาไหน รวมถึงคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอใช้เงินหมื่นจะได้ใช้เมื่อไหร่  

ทำให้ “เศรษฐา” ต้องมานั่งกุมขมับ เพราะจะต้องกัดฟันลุยไฟเดินหน้าโครงการนี้ให้ได้ จึงต้องมีการปรับแผน เปลี่ยนหลักเกณฑ์ในการแจก แยกคนจน คนรวย แต่จะเอาเกณฑ์อะไรมาจัดลำดับ หรือ จะนำเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่“รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไว้เพื่อดูแลประชาชน ใช้แอพเป๋าตังเหมือนเดิม ก็กลัวจะถูกมองว่าสลัดคราบ “ลุงตู่” ไม่หลุด  

ต้องจับตาที่สุดแล้ว“นายกฯสายเปย์”จะสามารถหาเงินมาแจกประชาชนที่รอคอยได้หรือไม่ และจะเอามาจากไหน ถ้ายิ่งช้าไม่มีความชัดเจน หรือทำไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเตรียมขุดหลุมฟังตัวเองได้เลย

อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังอยู่ภาวะลุ่มๆดอนๆ ดิ่งเหว ขณะนายกเศรษฐา เดินทัวร์ทำเนียบ เจอแม่ค้าบ่นว่าข้าวของแพงทุกอย่างแบบ 100 % และไม่ว่าจะไปลงพื้นจังหวัดใดประชาชนก็คอยถามว่าเมื่อไรจะได้เงินหมื่น ทำให้เห็นว่าประชาชนต่างก็ชะเง้อรอเงินหมื่น จาก “นายกฯสายเปย์” ด้วยความหวัง ถ้าทำไม่ได้ตรงนี้จะเป็นจุดตายในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน

ปมร้อนผุดขึ้นรายวันไม่หยุดล่าสุด พรรคก้าวไกลเปิดเกมรุกตบเท้าถล่ม “รัฐบาลเศรษฐา” ไล่บี้ให้ ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพราะไม่จำเป็นต้องมี และต้องการทำให้เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องของประชาชน-พลเรือน ไม่ใช่ผูกขาดอยู่เพียงแค่บทบาทและหน้าที่ของกองทัพ แต่ต้องทำให้พลเรือนเป็นใหญ่ ที่ผ่านมา กอ.รมน.มีข้อกล่าวหามากในเรื่องใช้งบประมาณที่มากเกินจริง มีความไม่โปร่งใสในการบริหารกำลังพล จึงเป็นเหตุผลให้เสนอยกเลิก กอ.รมน.เพื่อปฏิรูปงานความมั่นคง รวมถึงให้แสดงความจริงใจต่อการเลิกการเกณฑ์ทหารและลดนายพลอย่างจริงใจตามที่ได้หาเสียงมา ไม่ใช่แต่เป็นกระบอกเสียงให้กับกองทัพ

แค่นี้ยังไม่พอยังเจอเรื่องเรือดำน้ำที่ล่าสุด “บิ๊กทิน” สุทินคลังแสง รมว.กลาโหม เตรียมตั้งคณะทำงานไปเจรจากับจีนเปลี่ยนจากการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต ที่“บิ๊กทิน”ได้แต่อ้างว่าเป็นความจำเป็น แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อการกระทำลักษณะนี้ จะตอบคำถามเอฟซีตัวเองได้อย่างไรว่า ไม่ได้เลือกข้างทหาร

อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยไม่หวั่น เตรียมพร้อมเนินๆ จัดทัพเอาคนรุ่นใหม่มานำพรรค ดัน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรค ตามหมากที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อจัดวางไว้ แถมยังได้สัญญาณดีหนุนหลักเต็มร้อยจากคุณหญิงแม่ พจมาน ชินวัตร ที่ปรากฎตัวควงคู่กันออกงานอีเวนต์ “กิจกรรมแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ ที่บริเวณท้องสนามหลวง แผ่บารมีส่งถึง “ลูกอิ๊งค์” ให้เดินในเส้นทางนี้ได้สะดวกโยธิน เพราะเป็นที่รู้กันว่า “คุณหญิงแม่”ยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อพรรคตัวจริงเสียงจริง ยิ่งทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” ยิ่งมีออร่าแจ่ม เฉิดฉาย แสดงถึงฐานที่แข็งแรงที่นำพาพรรคเพื่อไทยทำสงครามสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ 

หันมาดู พรรคก้าวไกล ที่เวลานี้อยู่ในช่วงโค้งอันตราย มีโอกาสแหกโค้งตายกันทั้งหมด กรณีสส.คุกคามทางเพศ ที่ พรรคก้าวไกลมีมติลงโทษ 2 สส.ที่กระทำผิด โดยมีมติขับ“วุฒิพงศ์ ทองเหลา” สส.ปราจีนบุรี ให้พ้นจากสมาชิกพรรค ขณะที่ สส.ปูอัด  “ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” โดนแค่สั่งคาดโทษ ตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด และต้องออกมารับผิด ชดเชยผู้เสียหาย ซึ่งเป็นมติที่ไม่เหมือนกันท่ามกลางการไม่พอใจสมาชิกพรรคและสังคม

ถูกกระแสฟาดใส่พรรคก้าวไกล ถึงมาตรฐานที่เป็นดีเอ็นเอจริงๆของพรรค จนลูกพรรคที่เป็นสส.หญิงทนไม่ได้ ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลอย่างรุนแรง พร้อมใจกันเปลี่ยนหน้าเพจเป็นสีดำ กดดันไปที่ สส.ปูอัดให้ลาออกจากพรรค แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำตัวเองอย่าให้พรรคต้องเสียหาย

งานนี้แสดงให้เห็นความร้าวของพรรคก้าวไกลที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจน ภายใต้การนำของ “เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ หากไม่รีบแก้จะเกิดวิกฤติระยะยาว อย่าหวังไปสู้กับใครสู้กับตัวเองให้ได้ก่อน.