เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 รรท.ผบช.สตม. พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติกุล รอง ผบก.สส.สตม. เบ็คกี้ กัว หัวหน้าแผนกอาชญากรรมตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย ร่วมแถลง 2 คดี
โดยคดีแรก เป็นการจับกุมนายเฉิน อายุ 50 ปี สัญชาติไต้หวัน, นายเหอ อายุ 40 ปี สัญชาติไต้หวัน, นายไดสุเกะ อายุ 49 ปี สัญชาติญี่ปุ่น และนายทาโร่ อายุ 41 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ที่รวมตัวตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย หลอกผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือจำนวน 11 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 2 เครื่อง, บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต 5 ใบ, สคริปต์การสนทนากับเหยื่อ และข้อมูลเหยื่ออีกจำนวนมาก
สำหรับแก๊งดังกล่าวมาตั้งฐานอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร มีพฤติการณ์คือ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ มีคนไต้หวันเป็นหัวหน้าทีมและคนญี่ปุ่นเป็นพนักงาน โดยคนญี่ปุ่นจะอ้างตัวเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อหลอกคนญี่ปุ่น โดยมีการอ้างว่าข้อมูลของเหยื่อนั้นรั่วไหล ต้องโอนเงินมาเก็บไว้ที่ธนาคารเพื่อความปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือให้เหยื่อ หลังจากนั้นจะให้เหยื่อโอนเงินมายังบัญชีม้า โดยมีคนญี่ปุ่นได้รับความเสียหายกว่า 17,500 ราย ความเสียหายมูลค่ากว่า 9,500 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสมุทรสาครเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว และจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย โดยมีหัวหน้าแก๊งเป็นคนไต้หวัน มีนายเหอ ทำหน้าที่คอยจัดการบัญชีม้า นอกจากนี้นายเหอ ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการไต้หวันจำนวน 2 หมาย ในข้อหานำเข้ายาเสพติดและฉ้อโกง ส่วนนายเฉิน ทำหน้าที่ควบคุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกเหยื่อ พนักงานคอลเซ็นเตอร์ขบวนการนี้จะได้รับค่าจ้าง เดือนละ 200,000 เยน หรือประมาณ 47,000 บาทไทย และได้ค่าคอมมิชชั่น 10% ของเงินที่หลอกได้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จากนี้ทางตำรวจจะส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้สถานทูตญี่ปุ่นและไต้หวัน เพื่อไปขยายผลต่อ หรือยึดทรัพย์เป็นการทำงานร่วมกันผ่านแดน ไม่ให้แก๊งต่างชาติเหล่านี้มาตั้งฐานกระทำความผิดในประเทศไทยอีก
ส่วนคดีที่ 2 เป็นการจับกุม นายไมค์ อายุ 32 ปี สัญชาติเยอรมัน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเมืองฮัมบวร์ก ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เผยแพร่ในกลุ่มผ่านโลกโซเชียล จากการตรวจสอบพบว่านายไมค์ได้เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 62 ประเภทวีซ่าคนอยู่ชั่วคราว ให้ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจนถึงวันที่ 16 ก.ย. 67 จึงเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และส่งกลับประเทศเยอรมนีดำเนินคดีต่อไป.
