เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ สน.พระโขนง ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณี นายพชรพล จันทรินทรากร หรือ “เสี่ยบิ๊กดาวเขียว” ผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้ครอบครองรถบรรทุกที่ตกบ่อพักร้อยสายไฟ และนายศักดิ์มงคล หรือบอย อายุ 29 ปี คนขับรถคันดังกล่าว หลังเดินทางเข้าให้ปากคำกับ พล.ต.ต.สุวิชชา จินดาคำ ผู้บังคับการกองบังคับการ 10 จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนจเรตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้น ได้ควบคุมตัวนายศักดิ์มงคล ออกจากบริเวณห้องประชุม ชั้น 4 ของโรงพัก ลงไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากร ในความผิด 2 คดี คือ ขับรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และข้อหาเดิม คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส 

‘เสี่ยบิ๊กดาวเขียว’ โผล่มาแล้ว! รีบให้ปากคำตำรวจ ไขปริศนาส่วยสติกเกอร์


ขณะควบคุมตัวนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายศักดิ์มงคล ว่ามีความเครียดหรือไม่ และทราบไหมว่าขับรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และก่อนที่จะขับออกมาจากไซต์ก่อสร้างมีคนช่างน้ำหนักหรือควบคุมดูแลอยู่หรือไม่ นายศักดิ์มงคล ตอบเพียงสั้นๆว่าไม่เครียด และไม่ทราบว่าตนเองขับรถบรรทุกที่บรรทุกมีน้ำหนักเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งระหว่างนั้นไม่มีใครควบคุมดูแลอยู่


จากนั้นได้เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายวุฒิภัทร หรือ เสี่ยบิ๊ก อายุ 32 ปี เจ้าของรถบรรทุก ลงไปพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบประวัติ พร้อมแจ้งข้อหา เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระความผิดฯ 

จากนั้น เสี่ยบิ๊ก กล่าวว่า กรณีที่ได้พาดพึงถึง ’เสี่ยอังเป่า’ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เป็นชื่อลูกของตน และที่มาของชื่อ เสี่ยบิ๊ก ตนเป็นคนทำธุรกิจแต่ไม่ขึ้นจึงไปดูดวง และได้มีหมอดูบอกว่าให้เปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยบิ๊ก จนกระทั่งเป็นข่าวดังโด่ง ส่วนเรื่องสติกเกอร์นั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสวยใดทั้งสิ้น เนื่องจากตนมีชื่อเป็นอักษรตัวบีอยู่แล้ว ประกอบกับตอนนั้นเกิดวันพุธซึ่งเป็นสีเขียว เราอยากเป็นดาวรุ่งจึงใช้สัญลักษณ์ดาวสีเขียวดังกล่าว  


เสี่ยบิ๊ก กล่าวอีกว่า ตอนนั้นมีหลักฐานทุกอย่างเนื่องจากทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2561 ตนนั้นได้มีหลักฐานว่าติดสัญลักษณ์ดังกล่าวมานานแล้ว และยืนยันว่าไม่ใช่ป้ายเคลียร์ หรือป้ายส่วยใดๆ ทั้งสิ้น ติดไว้เพื่อเวลาไปเอาดินในสถานที่ต่างๆจะได้รู้ว่าเป็นรถของใคร โดยตนนั้นมีรถบรรทุกทั้งหมด 3 คัน และมีสัญลักษณ์ดาวเขียวติดอยู่ทั้งหมด ทั้งนี้สิ่งที่ตนพูดมีหลักฐานทั้งหมด โดยส่งมอบให้กับตำรวจทั้งหมดแล้ว


ส่วนกรณีที่มีการถ่ายเทน้ำมันออกจากรถคันที่เกิดเหตุนั้น เนื่องจากขณะเกิดเหตุถังน้ำมันแตกและเกิดการรั่ว กลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนเกิดขึ้น หากน้ำมันเมื่อไหลลงถนนแล้วจะเกิดการลื่นได้หากมีรถจักรยานยนต์ขับผ่านมา แล้วตนก็ไม่ทราบว่ารถที่บรรทุกมานั้นมีน้ำหนักเกิน เพราะเวลาตักดินงั้นจะใช้วิธีกะๆเอาไม่ได้มีตาชั่ง ซึ่งตนได้มีการวิ่งรถเส้นนี้มานาน แล้วก่อนที่จะมีการเปิดฝาท่อเพื่อนำสายไฟลงดิน และตนยืนยันว่าทุกอย่างที่ตนพูดมานั้นมีหลักฐานทั้งหมดไม่ใช่พูดลอยๆ และได้ส่งหลักฐานไว้กับทางตำรวจทั้งหมดแล้ว 


ด้าน นายเสกสรรค์ ศรีหิรัญยางกูร ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ที่เป็นข่าวขึ้นเพราะเกิดจากที่มีการเปิดปิดนำสายไฟลงไปทุกวัน ซึ่งตอนนั้นให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบคานเหล็กที่ปิดฝาท่อนั้นรับน้ำหนักได้หรือไม่ ในส่วนของน้ำหนักเกินก็ว่าไปตามกฎหมาย ส่วนฝาท่อปิดไม่สนิทและเรื่องของคานเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นเรื่องนี้มีการตรวจสอบด้วยเช่นกัน


เบื้องต้นทาง เจ้าหน้าที่ได้มีการปล่อยตัวให้ทั้ง 2 ราย กับเนื่องจากทั้ง 2 ราย มีการเข้ามารายงานตัวตามหมายเรียก จึงไม่มีสิทธิควบคุมตัว.