เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 พ.ย. 66) นายบัญชา (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ ว่าได้ถูก น.ส.พันทิวา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ชาว จ.อุดรธานี หญิงสาวที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก หลอกเอารถกระบะ 4 ประตูใหม่ป้ายแดงขับหายไป โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยนายบัญชา เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ ตนได้แชตพูดคุยกับ น.ส.พันทิวา ในเฟซบุ๊ก แล้วปรากฏว่าพูดคุยกันถูกคอ ฝ่ายหญิงบอกว่าอยากจะแต่งงานด้วย ทำให้ตนแพ้ทางคำพูดนี้ เพราะตัวเองก็เป็นโสด อยากมีคู่ชีวิตจริงๆ

ทั้งนี้ ฝ่ายหญิงบอกว่าเพื่อพิสูจน์ความรักแท้ จึงขอให้ตนไปเช่าซื้อรถใหม่มาช่วยกันทำมาหากิน ตนเห็นว่าอีกฝ่ายจริงใจ แสดงตัวตนไม่หลอกลวง จึงพากันไปซื้อรถกระบะราคา 8 แสนบาท (ดาวน์รถเป็นเงิน 1 แสนบาท) หลังจากรับมอบรถแล้ว น.ส.พันทิวา ก็อ้างว่าอยากจะลองขับรถ แต่พอได้ขับก็ซิ่งหายไปในทันที ด้วยความตกใจ ตนพยายามขับรถติดตามแต่ก็ไม่ทัน พบแต่เพียง GPS ที่ถูกถอดทิ้งไว้ในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ส่วนรถนั้นติดตามยังไม่พบ ตอนนั้นมั่นใจแล้วว่าโดนหลอกเอารถไป จึงไปแจ้งความยัง สภ.เมืองชัยภูมิ ก่อนจะนำหลักฐานมาขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว ในเบื้องต้น ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ ได้รับเรื่องไว้แล้ว จึงได้รีบประสานไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี ช่วยตามหาบ้านของฝ่ายหญิง เพื่อเร่งติดตามหาคนและรถ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายนำรถไปขายเพื่อนบ้าน เพราะจะทำให้ติดตามได้ยากขึ้น รวมทั้งหวั่นเกรงว่าอาจทำเป็นขบวนการ

ต่อมา นายบัญชา ได้ไลน์คุยกับฝ่าย น.ส.พันทิวา ผ่านทางไลน์แล้ว ปรากฏว่าอีกฝ่ายเรียกร้องเอาเงิน 5 แสนบาท เหตุที่ขับรถหนีออกมาเพราะอาย แต่ถ้าโอนทันทีตอนนี้ 3 หมื่นให้ความมั่นใจ ก็จะขับรถกลับไปหาทันที ส่วนที่เหลือค่อยโอนมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ยังอยู่ใน จ.ชัยภูมิ อย่างไรก็ตาม นายบัญชา กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าฝ่ายหญิงจะนำรถกลับมาคืน อีกทั้งยังพยายามหลอกให้โอนเงินอีก จึงได้นำหลักฐานแชตไลน์ไปส่งให้ตำรวจ เพื่อเร่งรัดจับกุมโดยเร็ว.