เมื่อวันที่ 25 พ.ย. พ.ต.อ.สุนทร มาลาเวช ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา นำกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุมตัว นายปริญญา หรือเต้ย ประสานศิลป์ อายุ  23 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์ พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน เทา หมายเลขทะเบียน 6กฆ 5917 กรุงเทพมหานคร  กระเป๋าใส่ของ ลาลามูฟ สีส้ม 1 ใบ หมวกกันน็อค สีน้ำเงิน 1 ใบ สร้อยคอสีทอง คล้ายทองคำ 1 เส้น ผ้าบัฟปิดหน้า สีดำ 1 ผืน ธนบัตร ฉบับละยี่สิบบาท จำนวน 79 ฉบับ  รวมเป็นเงิน 1,580 บาท และ ธนบัตร ฉบับละหนึ่งร้อยบาท จำนวน  60 ฉบับ รวมเป็นเงิน 6,000 บาท โดยจับกุมตัวได้บริเวณบ้านเลขที่ 223 ซอยลาดหญ้า 1 แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม.

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 115/1 ซอยเจริญรัถ 30 แขวงต้นไทร เขตคลองสาน กทม.ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา ว่า หลังเดินทางไปธุระนอกบ้าน กลับมาพบบ้านพักถูกคนร้ายบุกเข้ามายกเค้าทรัพย์สินไป ประกอบด้วยพระเลี่ยมทองฝังเพชร สร้อยคอทองคำ กำไลข้อมือทองคำ แหวนเพขร และเงินสด มูลค่ารวมกันกว่า 418,000 บาท  ชุดจับกุมนำโดย  พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สุขวัต รอง ผกก.สส.สมเด็จเจ้าพระยา และ พ.ต.ต.ชาญชัย อินนอก สว.สส.สมเด็จเจ้าพระยา จึงเร่งทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบเบาะแสคนร้ายมีรูปพรรณสัณฐานคล้าย นายปริญญา อดีตผู้ต้องขังคดีลักทรัพย์ ที่ถูกตำรวจ สน.บุปผาราม จับกุมมาก่อนหน้านี้ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านพักพบ นายปริญญา และของกลางบางรายการของผู้เสียหายในความครอบครอง จึงจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบสวน นายปริญญา ยอมรับ ก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจ สน.บุปผาราม จับกุมคดีลักทรัพย์ มาแล้ว 2 ครั้ง ติดคุกเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 2 เดือน พยายามหาอาชีพสุจริตทำด้วยขับรถส่งของแต่เงินก็ไม่พอใช้ ต้องหยิบยืมเงินญาติพี่น้องกับเพื่อนฝูงมาใช้จ่ายจนหมุนคืนไม่ทัน ก่อนเกิดเหตุจึงวางแผนก่อเหตุปีนเข้าไปยกเค้าในบ้านพักของผู้เสียหาย ซึ่งระหว่างนั้นตนสำรวจแล้วว่า ไม่มีใครอยู่ในบ้าน ส่วนทรัพย์สินที่ได้นำไปขายใช้หนี้ และนำมาใช้จ่ายรายวัน ส่วนหนึ่งที่ยังเหลือคือของกลางที่ตำรวจยึดเอาไว้ได้

เบื้องต้นชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” แก่ นายปริญญา ก่อนควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.ไขโย ไชยช่อฟ้า สว.(สอบสวน) สน.สมเด็จเจ้าพระยา เจ้าของคดีดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ที่ผู้ต้องหานำไปขาย จะติดตามกลับคืนมาให้ผู้เสียหายต่อไป.