จากกรณีกระทรวงการต่างประเทศแจ้งข่าวดีที่เกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันชาวไทยในชุดแรก รวมทั้งสิ้น 10 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 1 คน ประกอบด้วย นางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน 2 นายสันติ บุญพร้อม 3 นายบุญถม พันธ์ฆ้อง 4นายมงคล ผจวบบุญ 5 นายวิทูรย์ ภูมี 6 นายวิชัย กาละปัตย์ 7 นายบัญชา กองมณี 8นายบุดดี แสงบุญ 9 นายอุทัย ทุ่นศรี และ 10 นายอุทัย แสงนวล ซึ่ง 2 แรงงานชาวไทยที่ถูกระบุจากญาติว่า เป็นสามีภรรยากัน หลังพบรักกันที่ประเทศอิสราเอลเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา คือนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี และนางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน อายุ 35 ปี ชาว จ.ขอนแก่น นั้น

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 56 หมู่ 1 บ้านหินโงม ต.บ้านหินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักตามภูมิลำเนาของนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล พบนางเขียน พันธ์ฆ้อง อายุ 85 ปี และนางอุไร จันทชาติ อายุ 61 ปี แม่และพี่สาว นั่งอยู่บนเตียงไม้ใต้ถุนบ้านที่ตั้งตารอคอยฟังข่าวดีและการกลับมาของลูกชายทุกวันอย่างมีควาหวัง หลังถูกกลุ่มฮามาสบุกเข้าแคมป์คนงาน และถูกจับไปเป็นตัวประกันพร้อมกับ น.ส.ณัฐฐาวรี มูลกัน อายุ 35 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ว่าที่ลูกสะใภ้ และเพื่อนร่วมงานนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 66 จนถึงวันนี้รวม 50 วัน

โดย นางเขียน แม่ของนายบุญถม มีหน้าตายิ้มแย้มสดใสอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งข่าวดีจากสถานฑูตไทยในอิสราเอลและหลานชายที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลว่า นายบุญถม และภรรยา พร้อมกับเพื่อนแรงงานชาวไทย รวม 10 คน ถูกกลุ่มฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้วทำให้ดีใจจนนอนไม่หลับ และนางเขียน ผู้เป็นแม่กินข้าวได้มากว่าทุกวัน เพราะจะได้เห็นหน้าลูกชายกลับมาบ้านแบบยังมีชีวิต หลังไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง รวมทั้งหมอดูก็บอกว่าลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนยังปลอดภัยดี

เมื่อผู้สื่อข่าวได้นำรูปภาพนายบุญถม และน.ส.ณัฐฐาวรี ที่ถ่ายภาพร่วมกันกับแรงงานชาวไทยที่ถูกปล่อยตัวให้นางอุไร และนางเขียน ดู ก็ชี้ตรงจุดที่ลูกชายและลูกสะใภ้ยืนอยู่ในรูปภาพได้อย่างถูกต้อง และบอกว่าลูกชายซูบผอมลงเล็กน้อยและมีหนวดเคราเหมือนกับกลุ่มฮามาสเลย พร้อมกับได้ยกมือพนมไหว้ขอบคุณรัฐบาลไทยและอิสลาเอล เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน รวมทั้งกลุ่มฮามาสที่ปล่อยตัวลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ออกมาอย่าปลอดภัย

ขณะที่นางอุไร พี่สาวนายบุญถม ได้แต่งขันธ์ 5 ดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ศาลปู่ตา หรือศาลหลักบ้านเพื่อบอกกล่าวว่าน้องชายและว่าที่น้องสะใภ้ ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วและเมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะนำพวงมาลัย 38 พวง ที่บนบานเอาไว้คนละ 19 พวงมาถวายศาลปู่ตาเพื่อแก้บน

นางเขียน เล่าว่า ตั้งแต่ทราบข่าวว่าลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน ก็ทำให้กินไม่ค่อยได้ นอนก็ไม่ค่อยหลับในเวลาคิดถึงลูกชาย ซึ่งนายบุญถมเป็นลูกชายคนสุดท้อง ตนรักและเป็นห่วงเขามากหลังทราบข่าวดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ดีใจจนนอนไม่หลับ แต่เช้าวันนี้กินข้าวได้มากว่าทุกวันที่ผ่านมาโดยลูกสาวทำข้าวต้มและลาบวัวให้กิน และรสชาติของอาหารวันนี้ก็แซบหลายๆ

ส่วนนางอุไร พี่สาวนายบุญถม เล่าว่า ตั้งแต่น้องชายถูกจับไปเป็นตัวประกันจนถึงวันนี้รวม 50 วันก็ได้รับข่าวดีจากสถานทูตไทยในอิสราเอลและหลานชายโทรแจ้งมาว่า ตัวประกันที่ถูกปล่อยตัวรวม10 คน มีชื่อน้องชายและน้องสะใภ้ และขณะนี้ทุกคนปลอดภัยดีและให้แพทย์ทางอิสราเอลตรวจสุขภาพร่างกายก่อนจะดำเนินการขั้นตอนในการส่งตัวกลับภูมิลำเนา หลังทราบข่าวดี ตนและแม่รวมทั้งญาติพี่น้องต่างพากันดีใจ หลังพากันไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ อ.สร้างคอม ไว้หลายแห่ง และสิ่งที่ขอก็เป็นความจริง

”เมื่อน้องชายและว่าที่น้องสะใภ้กลับมาถึงบ้านก็จะได้ผูกแขนเอิ้นขวัญกลับบ้าน เพราะเปรียบเสมือนกับว่าน้องชายและว่าที่น้องสะใภ้ได้เกิดใหม่อีกครั้งและจะพากันเดินสายแก้บนตามสถานที่ต่างๆที่ได้ไปบนบานกล่าวเอาไว้หลังจกนั้นทั้งสองคนคงจะหาวันผูกข้อไม้ข้อมือเข้าวิวาห์กันตามทั้งสองคนเคยพูดกันไว้ที่ประเทศอิสราเอล ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นตนขอกราบขอบพระคุณหน่วยงานและทุกภาคส่าน ทั้งในประเทศไทยและอิสราเอลรวมทั้งกลุ่มฮามาสด้วย” นางอุไร กล่าว