เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเตรียมการต้อนรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมคณะ ที่มีกำหนดการเดินทางมาตรวจราชการ และประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 พื้นที่ จ.หนองบัวลำภู เป็นไปด้วยความคึกคัก โดยเฉพาะทุกภาคส่วนมีการตื่นตัวเป็นอย่างมาก เช่น ในส่วนของการค้าการขาย ทั้งในระดับชุมชน และระดับจังหวัด

นางอนงค์ ตุ้มทอง แม่ค้าขายผลผลิตทางการเกษตร บ้านป่าข่า ต.ยางหล่อ อ.ศรีบุญเรือง กล่าวว่า พอทราบว่ามีกำหนดการ ครม.สัญจร มาที่ จ.หนองบัวลำภู ระหว่างวันที่ 3-4 ธ.ค.66 ดังกล่าว พบว่าภายในพื้นที่มีการตื่นตัวกันมาก จากที่เคยเรียบๆ เงียบสงบ ก็มีความเคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น ในส่วนของการค้าขาย พบว่ามีลูกค้าทั้งขาประจำ ขาจร เข้ามาในพื้นที่อย่างผิดหูผิดตา ทั้งในส่วนของการนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย และเข้ามาเลือกซื้อสินค้าโอทอป สินค้าที่ระลึกจากพื้นที่ไปจำหน่าย สร้างรายได้เพิ่มจากที่ผ่านมาหลายเท่าตัว

ด้านนายบุญเลิศ ตู้มทอง ผู้ใหญ่บ้าน บ้านป่าข่า ต.ยางหล่อ กล่าวว่า เดิมตนและชาวบ้านที่ประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก เช่น นาข้าว อ้อย มันสำปะหลัง แตงโม ข้าวโพด จะเน้นใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโตให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า แต่ระยะหลังต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผลผลิตตกต่ำ สภาพดินเสื่อมโทรม มีสารพิษตกค้าง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จึงรณรงค์ชาวบ้านหันมาใช้เกษตรอินทรีย์ ใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก ที่ช่วยลดทุนการผลิต ทำให้มีกำไร ปัจจุบันกลายเป็นชุมชนต้นแบบเกษตรอินทรีย์อีกแห่งหนึ่งใน จ.หนองบัวลำภู

ด้านนางสุเมธินี เคียมดาว แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง ต.ยางหล่อ กล่าวว่า หลังเกิดสถานการณ์โควิดปี 62 เป็นต้นมา การค้าขายซบเซามากแทบจะไม่มีลูกค้าเข้าร้าน ที่ประคับประคองกิจการอยู่ได้เพราะทำแบบพอเพียง ไม่ลงทุนมาก ทั้งนี้ในช่วงที่จะมี ครม.สัญจรลงพื้นที่ บรรยากาศการซื้อขายจึงฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง และคาดว่านับต่อนี้ไป เศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งระดับชุมชน และระดับภูมิภาคคงจะดีกว่าที่ผ่านมา สำหรับตนการค้าขายคล่องตัวดีขึ้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวนา ชาวไร่อ้อย ซึ่งพอมีเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท และราคารับซื้ออ้อยสูงตันละ 1,300 บาท จึงทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจบรรยากาศและความพึงพอใจของชาวหนองบัวลำภู ที่มีต่อโครงการ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 ซึ่งมีกำหนดการในช่วงวันที่ 3 ธ.ค.66 เวลา 14.00 น. ถึงช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 4 ธ.ค.66 พบว่าสถานประกอบการมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ขณะที่ตามที่พักถูกจองเต็มหมด ซึ่งในส่วนชาวบ้านเอง ต่างมีความตื่นเต้นยินดี และมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถสร้างผลงานในการแก้ปัญหา 3 ก. ได้ตามเป้าหมาย ขอเพียงข้าราชการในพื้นที่มีความจริงใจเข้ามาร่วมแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นการประสานการทำงานแบบองค์รวม มีการบูรณาการระหว่างรัฐ ราชการ ก็จะนำพาชุมชนมีความอยู่ดี กินดี มีสุข และขับเคลื่อนสังคมไทย ก้าวข้ามวิกฤติปัญหาทั้งปวง ตามนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ต่างมีความคาดหวังว่า ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ครั้งนี้ จะเป็นโมเดลในการแก้ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด ปัญหาการใช้สารเคมี รวมทั้งปัญหาภัยแล้งในระดับประเทศได้