จากกรณีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่บริเวณข้างร้านขายส้มตำแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 6 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท แล้วลงมือพังร้าน เหตุจากเจ้าของร้านได้มากู้เงินนอกระบบ ยอดประมาณ 30,000 บาท ปัจจุบันได้ทยอยส่งไปแล้วเงินต้นเหลือประมาณ 20,000 กว่าบาท แต่กลับไปทำการลงทะเบียนแก้ไขหนี้นอกระบบ นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่ บริเวณ สภ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.ชัยนาท นายวิทยา ชพานนท์ ปลัดจังหวัดชัยนาท ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 3 คนร้าย คือ นายไตรภพ กาฬภักดี อายุ 28 ปี ชาว อ.เนินขาม จ.ชัยนาท และ นายนิรุต เอี่ยมศรี อายุ 24 ปี ชาว อ.หันคา จ.ชัยนาท ที่ก่อเหตุพังร้านส้มตำ พร้อมของกลางรถ จยย.ฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ และหมวกกันน็อก 1 ใบ พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ จากการขยายผล สามารถจับกุมนายธีระศักดิ์ วีระนนท์ หรือแมว เป็นนายทุนอยู่เบื้องหลังได้ในบ้านพักพื้นที่ อ.หันคา จ.ชัยนาท

พล.ต.ท.จิรสันต์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการแถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีการจับกุมผู้ต้องหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้ไปกู้เงินจากผู้ต้องหา 30,000 บาท และได้มีการส่งดอกแบบลอยตกวันละ 850 บาท โดยไม่หักเงินต้น ซึ่งเป็นการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงทำให้ผู้กู้ส่งไม่ไหว โดยทางนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญและกำชับกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 1 รวมไปถึง ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท รัฐบาลได้มีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับพี่น้องประชาชน จึงให้ทำการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุพังร้านขายส้มตำได้ 2 คน ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แจ้งข้อหา 3 ข้อหา คือ ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ร่วมกันลักทรัพย์โดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด และการทำให้เสียทรัพย์

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังได้มีการขยายผล สามารถรวบตัวนายธีระศักดิ์ เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการแจ้งข้อหา 2 ข้อหา คือ การเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายนั้นกำหนด และการให้กู้เงินโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นนโยบายหนึ่งของทางรัฐบาลที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จึงขอฝากไปถึงประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้ ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ในการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ

ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันในจังหวัดชัยนาทมีผู้มาลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 394 ราย มูลค่าหนี้กว่า 13 ล้านบาท สำหรับเคสที่เกิดเหตุนี้ได้มาลงทะเบียนในวันที่ 1 ธ.ค. 66 ซึ่งเป็นวันแรกของการลงทะเบียน ให้ทางอำเภอช่วยเจรจาแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งมีเจ้าหนี้อยู่ 3 ราย สามารถตกลงกันได้ 2 ราย ส่วนรายนี้โทรศัพท์ไม่รับสาย ไม่เข้ามาไกล่เกลี่ย อย่างไรก็ตามทางจังหวัดชัยนาทก็ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาลงทะเบียนเพื่อทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้ามาไกล่เกลี่ยช่วยเหลือ.