เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.66 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สอช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.66 ตนเองพร้อมด้วยนายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผอ.ส่วนยุทธการ​ฯ สปฟ. หน่วยพญาเสือ ติดตามการดำเนินการกรณีการบุกรุกพื้นที่บริเวณใกล้กับผาหัวสิงห์ ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน หมู่ 8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ภายในเขต อช.เขาค้อ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ ป.ป.ช.จ.เพชรบูรณ์ พม.จ.เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มเก่า อบต.บ้านเนิน กำนันตำบลบ้านเนิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านดอยน้ำเพียงดิน สจป.ที่ 4 (พิษณุโลก) ศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เพชรบูรณ์ สภ.หล่มเก่า ผอ.ส่วนอนุรักษ์ฯ สบอ.11 อช.ภูหินร่องกล้า และ อช.เขาค้อ ได้มีการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินคดี กรณีการบุกรุกพื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ทและที่พัก จำนวน 2 คดี บริเวณสวนสวรรค์ภูทับเบิก และกู๊ดวิว-ฮอตวิว ซึ่งได้ดำเนินการตรวจยึดพื้นที่และลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.หล่มเก่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2566 พร้อมทั้งติดประกาศคำสั่งให้รื้อถอนตาม ม.35 พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ. 2566 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนิการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในพื้นที่การดำเนินคดีบริเวณกู๊ดวิว-ฮอตวิว พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยมีการดำเนินคดีกรณีการบุกรุกพื้นที่ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2559 และศาลได้พิพากษาตัดสินให้นายบุญพันธ์ สิ่งทอ รับโทษจำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับ 2,500 บาท (โทษจำคุกรอลงโทษไว้ 1 ปี) และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าอุทยานแห่งชาติที่เกิดเหตุไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2560

การประชุมครั้งนี้ นายบรรจง แซ่ท่อ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 บ้านดอยน้ำเพียงดิน พร้อมด้วยราษฎรบ้านดอยน้ำเพียงดิน ประมาณ 8 คน เข้าร่วมในการประชุม และชูป้ายข้อความว่า “ชาวบ้านขอคัดค้าน! แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ที่ประกาศทับที่ทำกินชาวบ้าน ต้องถอนออกไปจากที่ทำกินชาวบ้าน เพราะชาวบ้านทำกินก่อนอุทยาน” โดยไม่ยอมรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เนื่องจากเข้าใจว่าทำกินอยู่ในเขตที่กรมพัฒนาสังคมฯ จัดสรรให้ เพราะได้มีการสำรวจร่วมกับราษฎรในพื้นที่ และราษฎรเข้าใจว่าตนได้รับสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ผู้แทนของพัฒนาสังคมฯ จึงได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า เดิมกรมพัฒนาสังคมฯ เคยขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2509 ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จ.พิษณุโลก และ จ.เลย เนื้อที่รวม 175,000 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็นนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา แต่ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาตามกฎหมาย ต่อมาพบว่าในพื้นที่ที่กรมพัฒนาสังคมฯ ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ยังมีสภาพป่าที่สมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2545 พัฒนาสังคมฯ จึงได้มีการเดินสำรวจร่วมกับราษฎรบริเวณภูทับเบิก เพื่อสำรวจพื้นที่ ที่ราษฎรใช้ประโยชน์จริง จึงทำให้เหลือพื้นที่กรมพัฒนาสังคมฯ ขอใช้ใช้ประโยชน์ ใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 13,447 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นป่า เป็นหน้าผาที่มีความลาดชันและราษฎรไม่ได้ใช้ประโยชน์​พื้นที่ ทางพัฒนาสังคมฯ ได้คืนให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้คงเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ต่อไป

นาย​ชัยวัฒน์​ จึงได้ชี้ว่าจากข้อโต้แย้งของชุมชนที่อ้างว่าการตรวจยึดพื้นที่จะทำให้ราษฎร​ไม่มีพื้นที่ทำกิน แต่ในสภาพจริงการตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวเป็นเพียง 1 ใน 4 ของพื้นที่ที่ราษฎรทำกินเท่านั้น ซึ่งเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ สำหรับพื้นที่ที่ราษฎรได้รับสิทธิการทำกินในพื้นที่ตามที่กรมพัฒนาสังคมฯ ให้สิทธิ​ไว้ก็ยังคงอยู่

ในส่วนของนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งว่า สำหรับการประชุมวันนี้สิ่งที่พบได้ก็คือความเข้าใจของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีความเข้าใจว่าตนเองได้รับสิทธิจากสายงานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงเข้ามาดําเนินการอยู่อาศัย ซึ่งแน่นอนว่าได้รับสิทธิ์ แต่ในความเป็นจริงของการดําเนินการกําหนดแนวเขตของอุทยานฯ สามารถบอกได้อย่างชัดเจนโดยวิทยาศาสตร์ว่าเป็นเขตอุทยานหรือว่าเขตที่พัฒนาสังคมให้สิทธิประชาชน

ด้านผู้แทน ป.ป.ช. จ.เพชรบูรณ์​ น.ส.ชญานันทน์ อินทร์เทศ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า จากการเข้าร่วมในการสังเกตการณ์ครั้งนี้ยังไม่พบการกระทำทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีความเห็นชอบร่วมกันในการปักหลักแนวเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อให้ราษฎรทราบแนวเขตอุทยานแห่งชาติให้ชัดเจน จากนั้นได้ลงพื้นที่ร่วมกันบริเวณพื้นที่แปลงคดี ช เพื่อติดประกาศหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 13 ธ.ค.66 ณ แปลงคดีรายสวนสวรรค์ภูทับเบิก และกู๊ดวิว-ฮอตวิว เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้กระทำความผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ภายใน 30 วัน พร้อมกับร่วมกันปักหลักแนวเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ราษฎรทราบแนวเขตที่ชัดเจน.