เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นกรณี ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกลุงพล 2 ข้อหา รวม 20 ปี ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่า คดีน้องชมพู่การที่ศาลตัดสินแบบนี้ แสดงว่าพฤติการณ์ต่างๆ ในเหตุการณ์ชัดเจนแล้ว คดีอาจไม่จำเป็นจะต้องมีประจักษ์พยานเสมอไป แต่มีพยานแวดล้อมและโดยเฉพาะนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ได้ ซึ่งมีความสมเหตุสมผล

เช่น การชันสูตรพลิกศพ ซึ่งคดีของน้องชมพู่ แพทย์ระบุว่า เสียชีวิตจากการขาดอาหารและน้ำ หากย้อนกลับไปในวันที่เจอศพน้องชมพู่ลุงพลเป็นคนขึ้นไปเจอศพคนแรกและมีการพูดด้วยว่าน้องน่าจะขาดอาหาร ซึ่งน่าสังเกตว่า ลุงพลรู้ได้อย่างไรและพูดออกมาตรงกับการชันสูตรพลิกศพ นอกจากนี้ ลุงพลยังมีการพูดพยายามเบี่ยงประเด็นว่าคนร้ายเป็นชายอายุ 30 ปี แบกเป้ หากวิเคราะห์พฤติการณ์ของลุงพล เฉพาะช่วงเวลาที่เจอศพ ก็พบพิรุธแล้ว ประกอบกับผลการตรวจเส้นผมของน้องชมพู่ ที่พบในที่เกิดเหตุและที่พบในรถของลุงพล ตรงกัน ยิ่งทำให้หลักฐานมัดตัวลุงพลแน่น

นอกจากนี้ อาจารย์ปรเมศวร์ บอกอีกว่า หลังจากศาลมีคำพิพากษาลงมาแล้ว ต้องชื่นชมสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุการณ์ต่างๆ นำมาเทียบเคียงกับคำพิพากษา ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าใครคือคนร้าย ส่วนแรงจูงใจสื่อฯ ก็มีการไปสัมภาษณ์ตำรวจชุดคลี่คลายคดีและนำเสนอแล้วว่า มาจากน้ำผึ้งหยดเดียว และเป็นการควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ ทำให้เหตุการณ์บานปลาย ซึ่งอาจารย์ปรเมศวร์ มองว่า คดีนี้ เจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างละเอียดรอบคอบและองค์ประกอบชัดเจนครบทุกมิติแล้ว ลุงพลรอดยาก

หากลุงพล จะสู้ก็มีสิทธิทำได้ แต่โอกาสต่อสู้จนหลุดในชั้นอุทธรณ์หรือชั้นฎีกา อาจารย์ปรเมศวร์ มองว่า เป็นไปได้ยาก เพราะจากการอ่านคำพิพากษาใช้เวลาค่อนข้างนาน เชื่อว่าคำพิพากษาฉบับเต็ม มีความละเอียดรอบคอบ ครบทุกมิติแล้ว และเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก และหากจะสู้จนถึงขั้นหลุดในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ต้องยื่นพยานหลักฐานหักล้างให้กับศาลตั้งแต่ศาลชั้นต้น

ขอบคุณข้อมูลจากเพจโหนกระแส