เมื่อวันที่ 7 ม.ค. จากกรณีนักธุรกิจสาวรายหนึ่ง ได้ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังจากที่เป็นหนี้นอกระบบจากแก๊งเงินกู้ โดยมีการทำสัญญากันหลายฉบับ โดยส่งดอกทั้งรายวัน รายเดือน รายสัปดาห์ รวมเป็นยอดเงินต้นจำนวน 200,000 บาท โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 3,500 บาท รวมระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้ไปแล้ว 940,000 บาท แต่ตอนนี้ทุกข์ใจมากเนื่องจากถูกข่มขู่เอาชีวิตคนในครอบครัว หลังเจ้าตัวขาดส่งเงินค่าดอกเบี้ยรายวันมา 3 วัน ซ้ำเจ้าตัวยังได้ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อไปที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ จึงทำให้ต้องมาร้องผ่านเพจสายไหมต้องรอดดังกล่าว

โดยเช้าวันนี้ทาง พ.ต.อ.ภคิน วรรณศรี ผกก.สภ.หนองฉาง พร้อมด้วย นายบำรุง วงษ์ปาน กำนันตำบลหนองนางนวล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองฉาง ได้ลงพื้นที่ไปพบกับครอบครัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี นักธุรกิจค้าสัตว์ส่งออกประเทศสหรัฐอเมริกา ชาว อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ของผู้ร้องเรียนรายนี้ โดยมีพ่อ พี่ชาย และลูกสาวของผู้ร้องเรียนอาศัยอยู่ที่บ้าน

ด้านลูกสาวของผู้ร้องเรียน เล่าว่า ตนเองนั้นพอจะทราบเรื่องที่แม่นั้นเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบอยู่บ้าง วันที่แม่ไปร้องเพจสายไหมนั้น ตนเองก็ทราบเรื่องด้วยเหมือนกัน ซึ่งเหตุผลที่แม่ไปนั้นน่าจะเป็นเพราะเป็นห่วง ตา เพราะกลัวว่าคนที่ปล่อยเงินกู้นั้นจะมาตามทวงเงินที่บ้านตามที่บอกจริง เพราะแม่นั้นได้เล่าว่า ถูกคนปล่อยเงินกู้รายนี้ข่มขู่ว่าจะมาเผาบ้านบ้าง จะฆ่าทั้งบ้านบ้าง จึงน่าจะทำให้แม่รู้สึกกลัว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีใครมาที่บ้าน แต่เมื่อวานนี้มีคนบอกว่า มีคนมาที่บ้านแต่ตนเองนั้นไม่อยู่บ้านจึงไม่รู้ว่าใครมา แต่มีคนโทรศัพท์มาสอบถามตนเองเหมือนกันว่าบ้านอยู่ที่ไหน ซึ่งตนเองก็บอกไปว่าบ้านอยู่หนองนางนวล ส่วนตัวแม่นั้นยอมรับเป็นหนี้บ่อยครั้งจริง เพราะทางน้าชายก็เคยไปหาหยิบยืมจากคนในหมู่บ้านเพื่อช่วยใช้หนี้ให้กับแม่อยู่บ่อยครั้งแล้วด้วยเหมือนกัน

ขณะที่ นายบำรุง เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นคนในพื้นที่จริง แต่ไม่ได้อยู่ที่นี่มานานกว่า 3 ปีแล้ว ทราบว่าไปทำธุรกิจส่งออกสัตว์อยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากที่ตนเองและตำรวจได้ลงพื้นที่พูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียหายแล้วนั้น ทางครอบครัวก็ได้ให้ข้อมูลว่าตอนนี้ยังไม่มีใครโทรศัพท์ หรือเข้ามาข่มขู่แต่อย่างใด แต่ทราบจากร้านค้าในหมู่บ้านทั้ง 2 ร้านมาว่ามีคนมาสอบถามบ้านของผู้เสียหายอยู่ด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้าทางพี่ชายของผู้เสียหายก็เคยมาหยิบยืมเงินส่งไปให้น้องสาวใช้หนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ส่วนตัวไม่ค่อยไปพบเจอหรือพูดคุยกับผู้เสียหาย เนื่องจากเจ้าตัวนั้นไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้านหลังนี้

ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.ภคิน เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ตนเองได้ทราบเรื่องดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านจากการประสานของคณะทำงานของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นก็ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่มาตรวจสอบทันที ซึ่งผลปรากฏ ตอนนั้นไม่มีใครมาที่บ้าน แต่มีคนมาถามหาตัวผู้กู้ในพื้นที่จริง โดยหลังจากที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ทางตนเองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ก็ได้ลงพื้นที่กันอีกครั้ง เพื่อสอบถามข้อมูลกับทางกำนัน จากทางพ่อ พี่ชาย และลูกสาวของผู้แจ้ง ซึ่งทั้งหมดนั้นให้ข้อมูลตรงกันว่า ตอนนี้ยังไม่มีใครโทรศัพท์ หรือมาที่บ้านเพื่อข่มขู่เอาเงินแต่อย่างใด

ส่วนฝั่งตัวผู้แจ้งนั้นทราบว่า ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งการกู้ยืมเงินดังกล่าวนั้นยังไม่ทราบเหมือนกันว่ากู้ยืมกันที่ไหน ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ตอนนี้ได้แจ้งกับครอบครัวไปแล้วว่า หากมีการข่มขู่เกิดขึ้นไม่ว่าทางใดก็ตาม ให้รีบแจ้งกับทางกำนัน หรือทางตำรวจเลยทันที ซึ่งตอนนี้ทาง สภ.หนองฉางนั้น ก็ได้จัดให้ทางชุดสายตรวจตำบลเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวไปจนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย.