จากกรณีนักธุรกิจสาวรายหนึ่ง ได้ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังจากที่เป็นหนี้นอกระบบจากแก๊งเงินกู้ โดยมีการทำสัญญากันหลายฉบับ โดยส่งดอกทั้งรายวัน รายเดือน รายสัปดาห์ รวมเป็นยอดเงินต้นจำนวน 200,000 บาท โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 3,500 บาท รวมระยะเวลา 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้ไปแล้ว 940,000 บาท โดยอ้างว่าถูกแก๊งเงินกู้ข่มขู่เอาชีวิตคนในครอบครัวที่ จ.อุทัยธานี หลังเจ้าตัวขาดส่งเงินค่าดอกเบี้ยรายวันมา 3 วัน

โดยความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายปิยะ ทองจันทร์ อายุ 37 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 14 ต.หนองกระทุ่ม อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พร้อมด้วยภรรยาและผู้เสียหายอีกหลายราย ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานมาที่ สภ.หนองฉาง ซึ่งมีทั้งเอกสารการทำสัญญากู้ยืมในการลงทุนทำธุรกิจ พร้อมให้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ตลอดจนสลิปการโอนเงิน ทั้งจากที่ตนเองได้โอนไปให้ น.ส.เอ (นามสมมุติ) นักธุรกิจสาว และจากที่ น.ส.เอ ได้โอนยอดคืนมาทั้งหมด เพื่อขอใช้พื้นที่ในการชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวที่ทางน.ส.เอ ได้ไปร้องผ่านทางเพจสายไหมต้องรอด ว่าไม่เป็นความจริง

นายปิยะ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตนเองนั้นไม่ได้มีการปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับทางน.ส.เอ อย่างที่เป็นข่าวออกไป แต่เป็นการให้เงินในการร่วมลงทุนทำธุรกิจ ตนเองนั้นมีอาชีพรับจ้างตัดอ้อย ซึ่งตนเองนั้นไม่ได้รู้จักกับ น.ส.เอ เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด เป็นการรู้จักกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งเริ่มแรกนั้นทาง น.ส.เอ นั้นได้เสนอให้ตนเองนั้นนำเงินมาร่วมลงทุนในธุรกิจของตนเอง ซึ่งให้ผลกำไรเป็นดอกเบี้ยในจำนวนที่สูงพอสมควร

“ตนเองนั้นก็เห็นว่า น.ส.เอ นั้นให้เงินค่าตอบแทนดี อย่างยอดเงินลงทุน 200,000 บาท ได้ค่าผลกำไรมาถึง 40,000 บาท ในระยะเวลาไม่ถึงเดือน ตนเองมองว่าได้เงินดีจึงได้ไปหาเงินจากทางญาติพี่น้องและป้าๆนำไปร่วมลงทุนกับ น.ส.เอ เพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมานั้นทาง น.ส.เอ ก็ได้ส่งเงินคืนมาให้ ดีไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเป็นทั้งเงินต้นที่ยืมไป และผลกำไรตอบแทน แต่ทางเราก็ได้มีการทำสัญญากันเอาไว้ เพื่อให้เกิดความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย จนระยะหลังประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง น.ส.เอ นั้นขาดการส่งเงินต้นและผลกำไรให้กับตนเองอย่างที่เคยส่งคืนมาให้ จึงทำให้ทางตนเองกังวลใจเป็นอย่างมาก โดยพยายามติดต่อไปทวงเงินดังกล่าวคืน แต่ทาง น.ส.เอ นั้นก็บ่ายเบี่ยงบ้าง ไม่รับสายบ้าง ติดต่อไม่ได้บ้าง ซึ่งน.ส.เอ นั้นได้ไปร้องผ่านเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ทราบ” นายปิยะ กล่าว

นายปิยะ กล่าวต่อว่า โดยจังหวะนั้น น.ส.เอ ได้พูดขึ้นมาว่า ไม่มีความสามารถที่จะใช้เงินก้อนดังกล่าวคืนได้แล้ว พอได้ยินแบบนี้ จึงทำให้ตอนนั้นตนเองเกิดโมโหบันดาลโทสะ ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายไปซึ่งไม่ได้ตั้งใจ เพราะเป็นยอดเงินที่ไม่ใช่แค่เงินของตนเองคนเดียว แต่เป็นเงินของพี่ป้าน้าอาที่ตนเองได้ไปหยิบยืมต่อมาอีกทอดหนึ่งด้วย ตนเองนั้นก็หาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินมากมายอย่างที่ทุกคนคิด ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และตนเองก็ไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้แต่อย่างใด แต่เป็นการลงทุนธุรกิจร่วมกับ น.ส.เอ ตามที่ได้มีการทำสัญญากันเอาไว้เท่านั้น

ตร.ส่งกำลังคุ้มครองครอบครัว ‘นักธุรกิจสาว’ ชาวอุทัยฯ หลังเจอแก๊งเงินกู้ข่มขู่ฆ่ายกครัว

นายปิยะ กล่าวต่ออีกว่า ซึ่งก็อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับทางตนเองด้วยว่า เหตุการณ์นั้นไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่ทางน.ส.เอ ได้ร้องเรียนเป็นข่าวออกไป ซึ่งก็อยากขอให้ทางทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเป็นธรรมกับตนเองด้วย และอยากจะให้น.ส.เอ นั้นรับผิดชอบกับยอดเงินที่ได้นำของตนเองและญาติๆพี่น้องไปมาคืนอีกด้วย ตนเองขอท้าชนกับเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะตนเองไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด แต่ถ้าผลสรุปออกมาว่าตนเองผิดก็จะยอมติดคุก

“แต่ขอให้ได้ออกมาพูดความจริงบ้าง เพราะเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เพียงแต่ทำให้ตนเองเสียหายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำให้จ.อุทัยธานี นั้นเสียหายไปด้วย ตนเองนั้นยอมไม่ได้ อยากบอกว่า น.ส.เอ นั้นไม่ใช่ผู้เสียหาย ตนเองต่างหากที่เป็นผู้เสียหายตัวจริง โดยวันพรุ่งนี้ตนเองพร้อมด้วยภรรยาและป้าๆที่เสียหายทุกคนนั้นจะเดินทางไปพบ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมให้กับตนเองและทุกคนที่เสียหาย” นายปิยะ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ภคิน วรรณศรี ผกก.สภ.หนองฉาง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวผ่านทางสายไหมต้องรอดออกไปตามที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ ทางเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการให้ชุดสืบสวนป้องกันปราบปรามลงพื้นที่ติดตามตัวฝั่งคู่กรณีซึ่งก็คือ นายยะ ซึ่งปรากฏว่าได้พบตัวจริงของนายยะ พร้อมกับภรรยา ซึ่งหลังจากที่พบตัวทั้ง 2 ก็ได้มีการสอบถามความเป็นจริง โดยทางฝั่งนายยะและภรรยา จึงได้ขอใช้สถานที่ของ สภ.หนองฉาง เป็นพื้นที่ในการแถลงขี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในฝั่งของตัวเองบ้าง ส่วนทางด้านกฎหมายนั้นตอนนี้ยังไม่ปรากฏความผิดในเขตที่เกิดขึ้นในเขตสภ.หนองฉาง เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลคร่าวๆว่า น.ส.เอ นั้นออกจากบ้านไปประมาณ 3-4 ปี

จากข้อมูลของพ่อและพี่ชายเขาเองว่าน.ส.เอ นั้นไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ประกอบกิจการอะไร ทางเจ้าหน้าที่ไม่รู้ แล้วมีการขอกู้เงินกันทางโซเชียล ซึ่งมีข้อมูลเพียงว่า น.ส.เอ แจ้งกับเพจสายไหมต้องรอด ว่าเขาถูกข่มขู่ว่าจะมีการมาทำร้ายร่างกายคนทุกคนในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปดูแลให้เท่านั้น.