จากกรณีที่เหตุการณ์น.ส.อรทัย  ภรรยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับเงินมรดก จากสามีที่เสียชีวิตไปเมื่อปี  พ.ศ.2564 มากว่า 13 ล้านบาทไทย  แล้วแต่งงานใหม่กับชายชาวสวิตเซอร์แลนด์อีกคน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ประเทศไทย ที่บ้านโคกแขวน หมู่ที่ 5 ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมาได้ประมาณ 2 ปีเศษ แต่มาหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา  หลังจากที่เกิดมีปากเสียกับสามีใหม่ไม่ทันข้ามวันตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางครอบครัวของ น.ส.อรทัย ก็ได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ให้ช่วยหาเครื่องสูบน้ำเพื่อไปสูบน้ำออกจากสระน้ำกลางที่นา ใกล้กับจุดที่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.อรทัย ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าของสระเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางชุดประดาน้ำจากมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 นครราชสีมา จะได้นำกำลังลงงมค้นหาบริเวณจุดนี้มาแล้วถึงสองรอบและก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆก็ตาม เนื่องจากยังมีสายโทรศัพท์จากทั้งญาติพี่น้องและบุคคลอีกอีกหลายสายโทรมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น.ส.อรทัย ลูกสาวถูกฆ่ายัดถุงดำแล้วนำไปถ่วงน้ำที่สระน้ำบริเวณนั้น

ซึ่งก็มีชาวบ้านนำเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องไปช่วยสูบน้ำออกจากสระที่มีความกว้างประมาณ 15 เมตร ยาว 20 เมตร และลึกประมาณ 2 เมตรเศษ  โดยได้เริ่มทำการสูบน้ำเมื่อเวลา 13.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. เกือบ 2 ชั่วโมง จนน้ำแห้งเกือบทั้งหมดแต่ติดปัญหาเรื่องน้ำวนไหลกลับเข้าสระคืน   จึงได้ให้ชาวบ้านช่วยกันลงไปสำรวจพื้นที่ท้ายสระและโดยรอบ แต่ก็ไม่ร่างของ น.ส.อรทัย หรือหลักฐานใดๆที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด จากนั้นทางบรรดาญาติพี่น้องของ น.ส.อรทัย ได้เตรียมการค้นหาขั้นต่อไป โดยได้เข้าไปขออนุญาตทางเจ้าอาวาสวัดทุ่งแขวน ที่อยู่ด้านหลังบ้านของ น.ส.อรทัย ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร เพื่อขอนำกำลังลงงมค้นหาภายในสระน้ำวัดที่มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็อนุญาต

นางสาวธิดารัตน์ โพสีงาม น้องสาวของ น.ส.อรทัยฯ ผู้สูญหาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ทำการสูบน้ำบริเวณสระตามคำบอกเล่าของโทรศัพท์ที่ติดต่อมา แล้วก็ไม่พบร่างพี่สาวหรือหลักฐานใดๆที่เกี่ยวข้อง ทางครอบครัวก็ยังไม่ละความพยายามที่จะค้นหาต่อไป และตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงาน กับทางเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำของมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ ว่าจะนำกำลังเข้ามาเริ่มปฏิบัติการค้นหาบริเวณสระน้ำข้างวัดที่อยู่หลังบ้านอีกหนึ่งจุด  คาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค.67)  และหากยังไม่พบอีกก็จะพยายามเพิ่งทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกวิถีทางที่จะตามหาตัวพี่สาวกลับคืนมาให้ได้ไม่ว่าจะกลับมาในรูปแบบใดก็ตาม

ส่วนเรื่องของเงินมรดกที่พี่สาวได้ติดตัวกลับมาหลังจากที่สามีชาวต่างชาติเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.2020 หรือปี พ.ศ.2564 ประมาณ 13 ล้านบาทนั้น ส่วนตัวไม่รู้รายละเอียดของเส้นทางการเงินก้อนนี้มากนัก  เท่าที่ทราบพี่สาวได้นำมาซื้อรถยนต์ ที่นา ส่งเสียลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่อาชีวะศึกษาแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา และก็มีการจดบันทึกรายชื่อและรายการที่มีผู้ยืมเงินไปด้วยจำนวนหนึ่ง  และด้วยความที่พี่สาวเป็นคนชอบเล่นพนัน ก็อาจจะใช้จ่ายในส่วนนี้ไปด้วย

ครอบครัวเมียฝรั่ง13 ล้านสูบสระหวังพบร่าง ด้านลูกสาวเผยจำแม่นท่าทางผู้ชายในกล้องวงจรปิด

อีกทั้งพี่สาวยังไม่ได้ทำงานอะไร จึงทำให้อาจจะใช้จ่ายมากพอสมควร  ส่วนการเข้าถึงการเบิกจ่ายเงินก็มีเพียงพี่สาวและสามีคนปัจจุบันเท่านั้น จึงทำให้ไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดในเรื่องนี้   และหลังจากที่เกิดเรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำหมายเลขบัญชีของพี่สาวไปติดตามหาหลักฐานตามขั้นตอน ส่วนสมุดเงินฝากนั้นตัวเองได้นำมาปรับสมุดดูแล้วแต่ด้วยการเบิกจ่ายเงินจำนวนมาก ทำให้สมุดไม่พอที่จะบันทึกรายการทั้งหมด จึงไม่รู้ว่าจำนวนเงินคงเหลือตอนนี้อยู่ที่เท่าไร

โดยรายการเงินที่พี่สาวใช้จ่ายที่ น.ส.ธิดารัตน์ พอจำได้ ประกอบไปด้วย ซื้อรถเก๋งซีวิคสีดำที่ใช้อยู่ประจำประมาณ 1.4 ล้านบาท , ซื้อที่นาจำนวน 8 ไร่ เป็นเงินประมาณ 1.2 ล้านบาท และมีหลักฐานการรับจำนำที่ดินจำนวน 5 ไร่ เป็นเงิน 4 แสนบาท  รถจักรยานยนต์พีซีเอ็กซ์ 1.2 – 1.3 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีรายการรายชื่อผู้กู้ยืมเงินอีกจำนวนหนึ่งด้วย