กรณีนายวราวุธ หรือ เร ขันคำนอก อายุ 25 ปี นักศึกษาช่างกลปทุมวัน ถูกกลุ่มสถาบันคู่อริใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทง จนเสียชีวิตบริเวณหน้าสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 26 ม.ค. ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุ รวม 9 ราย ก่อนออกปฏิบัติการค้น 9 เป้าหมายจับกุมไปแล้ว 4 คน ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

คนที่4! จับเพิ่มแก๊งร่วมฆ่า ‘น้องเร ปทุมวัน’ รับชูนิ้วกลาง-เหยียบดอกบัว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหลือผู้ถูกออกหมายจับคดีดังกล่าว อีก 5 คน โดยล่าสุดมีผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายกฤษกร ตาเต่า อายุ 20 ปี นายมนต์ธัช หงส์แก้ว อายุ 21 ปี และ นายสหรัฐ ชงเชื้อ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมทนาย เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รับมอบตัว สอบสวนเบื้องต้น ทั้ง 3 ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดจริง แต่พฤติการณ์ต่างๆ ในวันเกิดเหตุจะขอให้การในชั้นศาล

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่เดินทางมาพร้อมทนาย เพื่อติดต่อขอมอบตัว ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นนักศึกษา 1 รายคือ นายกฤษกร ส่วนอีก 2 ราย คือ นายมนต์ธัช และ นายสหรัฐ ได้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้วตั้งแต่ปี 2565 โดยทั้ง 3 รายให้การยอมรับว่าคือบุคคลในภาพคลิปวงจรปิด ก่อนให้ภาพวงจรปิดยืนยันว่าคือคนไหนในคลิป และยอมรับในการกระทำที่เกิดขึ้นตามคลิป รวมถึงยอมรับว่าพกมีด แต่ทั้ง 3 ไม่ยอมรับว่าลงมือแทงผู้เสียชีวิต โดยรายละเอียดขอไปให้การในชั้นศาล ก่อนกล่าวว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะเอาตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมและลงบันทึกที่ สน.ปทุมวัน ส่วนเรื่องการว่าจ้างทนายความนั้น ได้สอบถามทนายความว่าใครเป็นคนว่าจ้าง ซึ่งทางทนายความกล่าวว่ามีทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ติดต่อประสานงานมาขอให้เป็นทนายความให้

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายที่ยังหลบหนี ทราบว่า 1 ราย คือนายภูริ พลจันทร์ อยู่ระหว่างติดต่อมาขอมอบตัว จึงให้ไปมอบตัวสอบปากคำที่ สน.ปทุมวัน ได้เลย ส่วนอีก 1 รายคือ นายวรกันต์ ขานทอง ที่ยังหลบหนีอยู่ เลยอยากฝากไปยังผู้ต้องหาทุกคนว่าให้ติดต่อบุคคลดังกล่าวให้เข้ามามอบตัว เพราะตำรวจยังคงติดตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่องให้ได้ พร้อมฝากเตือนผู้ที่คิดว่าจะให้ความช่วยเหลือพาผู้ต้องหามีความผิดตามกฎหมายอย่างชัดเจน และหากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยแน่นอน