จากกรณี น.ส.วิภาวดี พาที หรือ แป๋ว อายุ 43 ปีชาว บ.ดงยาง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ผู้ช่วยพยาบาลห้องกายภาพบำบัด รพ.พิบูลย์รักษ์ ถูกคนร้ายขี่จยย. ตามประกบสาดน้ำกรด ขณะขี่กลับบ้าน หลังออกเวรเวลา 20.00 น. วันที่ 7 ก.พ.ทำให้รถเสียหลัก พุ่งลงข้างทางได้รับบาดเจ็บจากน้ำกรดตามร่างกาย 30 เปอร์เซ็นต์และเสี่ยงตาบอด  โดยตำรวจมุ่งประเด็นประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากผู้บาดเจ็บไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครและเพิ่งคลอดลูกสาวได้ 3 เดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 ก.พ.  ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ พ.ต.อ.ชัยศักดิ์ บูรณะบัญญัติ ผกก.สภ.พิบูลย์รักษ์ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีโดยกำลังประชุมทีมตำรวจชุดสืบสวน ในการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจ พร้อมกับประสานตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ลงพื้นที่ช่วยไล่ล่าตัวคนร้าย แต่พบอุปสรรคคือกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายสะกดรอยตามผู้บาดเจ็บชำรุด และอยู่ไกลถนน ไม่สามารถระบุยานพาหนะคนร้ายได้อย่างชัดเจน

ขณะที่ ร.ต.อ.พงษ์พิพัฒน์ ลิขิตโยธิน รองสว.สอบสวน สภ.พิบูลย์รักษ์ เจ้าของคดีความ ได้เชิญตัว จ.ส.อ.พัทธกร พันสาย อายุ 43 ปี สามีผู้บาดเจ็บ มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังเดินทางไปสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และสอบปากคำพยาน ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่มีบ้านอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ และเข้ามาช่วยเหลือได้ทันและทั้งผู้บาดเจ็บ สามีผู้บาดเจ็บ และพลเมืองดี ให้การตรงกันว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์สินผู้บาดเจ็บอย่างแน่นอน

จ.ส.อ.พัทธกร กล่าวว่า ล่าสุดอาการของภรรยาดีขึ้นตามลำดับ หมอบอกว่าม่านดวงตาทั้ง 2 ข้าง เปิดและขยายซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ตาคงไม่บอดแล้ว แต่จะมองเห็นได้ชัดปกติหรือไม่นั้น  คงต้องใช้เวลารักษาอาการสักระยะ ส่วนที่เห็นภรรยาในคลิปภาพล่าสุด ที่ศีรษะและใบหน้าของภรรยาถูกพันผ้าเอาไว้นั้นเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่ดวงตา และที่แผลไหม้ผุพองตามร่างกายประมาณ 30เปอร์เซ็นต์

ส่วนสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุนั้น ตนยังยืนยันว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สินของภรรยา แต่ก็ไม่น่าเอาน้ำกรดมาสาดใส่ มันเกินไปไหมเห็นแต่ในข่าวสาดน้ำกรดใส่กันได้รับบาดเจ็บเสียโฉม ส่วนมากจะเป็นเรื่องชู้สาว แต่ภรรยาตนไม่ใช่เป็นคนอย่างนั้น เพราะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ทั้งในที่ทำงาน และข้างนอก เนื่องจากภรรยาตนไม่กิน ไม่เที่ยว ไม่เล่นพนัน และไม่ดื่ม อยากให้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะกลัวจะไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก หากจับมาได้ก็จะถามว่าทำไมถึงทำกับภรรยาตนได้ถึงขนาดนี้ บอกตรงๆเลยว่าโกรธคนร้ายมาก แต่เป็นชายชาติทหาร ต้องเข้มแข็งและต้องเก็บความรู้สึก ปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมายบ้านเมือง

ขณะที่ นางสมร ไชยแก้ว อายุ 44 ปี แม่ค้าขายดอกไม้และพวงมาลัย ตลาดสดตำบลบ้านแดง เล่าว่า  ตั้งแต่ก่อตั้ง อ.พิบูลย์รักษ์ มา 32 ปีไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลยรู้สึกหวาดระแวงและผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เวลาขี่รถจักรยานยนต์ไปไหนมาไหนในตัวอำเภอ หากตำรวจยังจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ได้ อยากให้ตำรวจตามจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ด้าน พ.ต.อ.ชัยศักดิ์  เปิดเผยว่า วันนี้ได้ประชุมชุดสืบสวน ในการไล่ล่าหาตัวคนร้ายแต่พบอุปสรรคเรื่องกล้องวงจรปิดมีน้อยมาก ที่มีก็อยู่ระยะไกล และมืดจะเห็นก็แต่แสงไฟหน้ารถผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บขี่ตามกัน ก่อนที่คนร้ายจะลงมือก่อเหตุบริเวณที่เปลี่ยวที่ไม่มีแสงไฟ ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก ทางเราจึงมั่นใจว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้เสียหาย และขณะนี้ได้ประสานตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ลงพื้นที่ช่วยสืบสวนสอบสวนและหาเบาะแสคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว