เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบแผน และมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมกับเกียรติยศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักชาติ เสนอโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และคณะ รวมถึงญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องการถวายความปลอดภัย เสนอโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ได้ดำเนินมาจนถึงช่วงบ่าย บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปอย่างเข้มข้น ดุเดือด มีการโต้เถียงกันระหว่าง สส.พรรคร่วมรัฐบาล และสส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นระยะๆ

โดยเมื่อเวลา 15.55 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นกล่าวอีกครั้งว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับสถาบันฯ 4 ปีที่ผ่านมา ตนก็ดูการกระทำของเด็กๆ ดูเหตุที่เกี่ยวเนื่องกันมาตลอด ถ้าขบวนการต่างๆ เกิดขึ้นจากเด็ก เกิดจากความรู้สึก เกิดจากธรรมชาติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาคือมีผู้อยู่เบื้องหลังมอบเงินให้เด็ก บางทีมีต่างชาติไปประกัน ไปโรงพักกดดันทำอะไรต่างๆ อีกมากมาย ตนเห็นว่าไม่ใช่การกระทำของเด็ก ไม่ใช่พื้นที่ที่จะทำให้เกิดสันติภาพ หรือการพูดคุยที่ชัดเจน ตลอด 4 ปีในฐานะคนไทยก็เจ็บปวดพอสมควร เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ปะทุของคนไทยส่วนหนึ่ง

“สิ่งที่สำคัญมันมีเบื้องหลัง มีเงินสนับสนุน ผมไม่อยากพูดว่าจากบางคน หรือจากบางกลุ่ม ทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น ประเทศไทยอยู่มาได้ไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้ เกิดจากอะไรก็ไม่สามารถรู้ได้ แต่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดจากธรรมชาติ เกิดจากความรู้สึก แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากชีวิตจิตใจของคนไทยทั้งชาติ แต่เป็นความรู้สึกของคนกลุ่มหนึ่งพยายามข้องแวะ สร้างความเสื่อมให้กับสถาบัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเอาพื้นที่พูดคุยต้องเป็นความต้องการของคนไทย แต่นี่มันไม่ใช่ ไม่ใช่คนที่มีความเข้าใจประมุขของประเทศ” นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวอีกว่า ประเทศบางประเทศนกยังไม่ให้บินผ่านเลย เช่น สหรัฐอเมริกา เพราะทุกคนยอมรับ เวลาที่เสด็จไปไหน พระองค์ไม่ได้ไปเที่ยว ไปพระราชกรณียกิจ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เป็นความรู้สึกที่คนไทยยอมรับ มีในหัวใจคนไทยมาหลายร้อยปี

“สิ่งที่มันเกิดขึ้นเกิดจากผู้ไม่หวังดีจากนอกประเทศหรือไม่ หรือจากคนกลุ่มหนึ่ง ก็ต้องมาดูกัน เราจะมาพูดว่าเด็กหรือใครก็ตามหรือในนามประชาชน เกิดจากจิตใจจริงหรือเปล่า หรือเกิดจากการปลุกปั่นยุยงเป็นกระบวนการ คนไทยต้องคิดด้วยว่าใครอยู่เบื้องเด็กเหล่านี้ ทำอย่างนี้เพื่ออะไร คนไทยรับได้กับขบวนเสด็จ” นายชาดา กล่าว 

นายชาดา กล่าวว่า วันนี้ถ้าจะพูดเรื่องนี้พูดกันยาว พื้นที่ที่จะพูดคุยกันมันมี แต่ไม่ใช่พฤติกรรมแบบนี้ แม้แต่ตรุษจีนที่ผ่านมาก็ไปจาบจ้วง ไม่เคยหยุดยั้ง ไม่เคยเบา ไม่เคยมีเจตนารมณ์ที่จะสร้างสรรค์ในบ้านเมือง แต่พยายามสร้างความปั่นป่วน เสื่อมเสียต่อองค์พระประมุข หลายเรื่องต้องแก้ไข ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่คิด อย่าโยงไปสู่ความเสียหายถึงประมุขของประเทศ ต้องพูดด้วยความจริงใจ อย่าพูดอย่างทำอย่าง ตนไม่อยากพูดว่ามีหลักฐานมีเอกสารอยู่ในมือตนว่าใครสนับสนุนเงินทอง

ต่อมานายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ตนกังวลว่ามีเนื้อหาออกไปในแนวทางเฮทสปีชค่อนข้างมาก จึงขอให้อดทนอดกลั้น ให้งานสภาดำเนินไปอย่างราบรื่น รับฟังกันและกัน ตนไม่อยากประท้วง แต่หลายๆ ครั้งมีการกล่าวหา ใสร้ายป้ายสี เสียดสีบุคคลภายนอกโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ดังนั้นหากมีการใส่ร้ายป้ายสีว่าการกระทำทั้งหมดมีขบวนการอยู่เบื้องหลัง มีการสนับสนุนอย่างไร ขอให้ส่งเอกสารหลักฐานที่มีไปยังรัฐบาล รวมถึงส่งหลักฐานให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาอีกทางด้วย เพื่อให้การพิจารณารอบคอบขึ้น ไม่ใช่การใส่ร้ายกันลอยๆ

ทำให้นายชาดา ลุกขึ้นกล่าวยืนยันว่า มีข้อมูลอยู่ในมือจริง เป็นหลักฐานข้อมูลทางราชการ แต่ยังจับไม่ได้ ถึงเวลาดำเนินคดีแน่นอน ถ้าอยากรู้จะบอกว่า เป็นผู้ช่วย สส.คนใด ส่งเงินให้ขบวนการพวกนี้ อย่าให้เฉลย คนอย่างตนถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน

“เป็นเรื่องจริง ไม่ต้องห่วง ความจริงต้องเปิดเผยมาแน่นอน ถ้าจะใช้กลไกสภาก็ดี วันนี้จะทำเพื่ออะไร อยากรู้อะไร คนอย่างผมไม่ใช่เรื่องจริงไม่พูดเด็ดขาด” นายชาดา กล่าว

ต่อมาในเวลา 16.50 น. ที่ประชุมได้มีมติให้ส่งเนื้อหาญัตติด่วนด้วยวาจาทั้ง  2 ญัตติ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ ให้ 1.รัฐบาลโดย ครม. 2.คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ 3.กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างที่มีการตกลงกันว่าจะส่งญัตติด่วนด้วยวาจาทั้ง 2 ญัตติไปให้ฝ่ายใดพิจารณานั้น นายชาดา ได้เดินไปยังฝั่งที่ของ สส.พรรคก้าวไกล โดยคาดว่าไปพูดคุยกับนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จากกรณีที่มีการพาดพิงกันอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ รวมถึง น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ก็ได้เดินตามไปสมทบเพื่อพูดคุยด้วย เพราะก่อนหน้านี้ได้ลุกขึ้นประท้วงนายชาดาด้วยเช่นกัน ซึ่งมีการพูดคุยกันประมาณ 5 นาที ก่อนจะแยกย้ายกันไป.