เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังบริษัท Mercedes-Benz AG, Bremen plant (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เบรเมิน แพลน) ที่นครเบรเมิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 23 ก.พ. เวลา 09.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นของนครเบรเมิน เพื่อเยี่ยมชมฐานการผลิตหลักของรถยนต์รุ่น C-Class รถยนต์ชนิด Plug-in Hybrid และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) รวมถึงขั้นตอนการประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ อาทิ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น EQE, C-Class และ GLC เพื่อศึกษาแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และส่งเสริมความร่วมมือเกี่ยวกับยานยนต์พลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับเยอรมนี

จากนั้น นายปานปรีย์ ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ กำลังให้ความสนใจเรื่องการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์รุ่น EQE ที่เป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด ตนจึงคาดว่าอีกไม่นาน น่าจะเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย เพราะไทยอยู่ระหว่างผลักดันเรื่องรถยนต์อีวี และกำลังก้าวไปสู่การพัฒนารถอีวีอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว จึงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวล นอกจากอุปสรรคในการค้าขาย ซึ่งรัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขข้อกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทย

ส่วนการทำข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) นั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า จะต้องใช้เวลาเหมือนกับการดำเนินการเรื่องฟรีวีซ่าเชงเก้น เพราะต้องขอความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกทั้ง 27 ประเทศ ดังนั้นไทยต้องเร่งทำความเข้าใจกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและประชาชนให้ทราบว่า การทำเอฟทีเอนี้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศอย่างไร