ผลกระทบลามมาถึง “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ที่อาจต้องถูกตั้งคำถามบ่อยครั้ง เรื่อง อดีตนายกฯ แม้ว เข้ามามีบทบาทต่อรัฐบาลหรือไม่ และแท้จริงแล้วเสี่ยนิดเป็นแค่นอมินีชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ยังทำงานอยู่และขอให้ใช้ผลงานในการพิสูจน์ตัวเอง อย่าไปพูดเรื่องว่ามีนายกฯ คนที่ 2 หรือ 3

การที่เพื่อไทยเสียคะแนนนิยมไป จะมีผลกระทบหลักๆ ในเรื่องของการเลือกตั้ง ซึ่งในปี 2567 นี้ จะมีการเลือกตั้งที่สำคัญคือ เลือก นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเลือก สว. ซึ่งกระบวนการค่อนข้างยุ่งยาก คือต้องแบ่งกลุ่มตามคุณสมบัติ ตั้งแต่ระดับอำเภอ แล้วแต่ละกลุ่มเลือกไขว้กันจนถึงระดับประเทศให้ได้ สว. 200 คน และมีบัญชีสำรอง

อีกกรณีหนึ่งที่อาจต้องมีการเปิดคูหาลงคะแนน คือเรื่องการทำประชามติ ว่าเห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ด้วยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งตอนนี้ก็ยังงมๆ กันอยู่ว่า ควรทำประชามติกี่ครั้ง และกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. คือการเลือกตั้งอีกหรือไม่ ซึ่งถ้ามาจากเลือกตั้ง ก็มีโอกาสที่นักการเมืองจะเข้าไป

การเลือกตั้งแต่ละสนาม ก็คือการวัดคะแนนนิยมของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้ กลายเป็นภาพการแข่งขันระหว่างขั้วฝั่งซ้าย คือพรรคก้าวไกล และขั้วฝั่งขวาคือพรรคเพื่อไทย ฝั่งขวานั้นอาจได้เปรียบในแง่ที่มีคนอยู่ในพื้นที่นานแล้ว แต่ผลการเลือกตั้งปีที่ผ่านมา หลายพื้นที่ที่ว่าเป็น “ของตาย” ของเพื่อไทย ก็ถูกล้มช้างได้ อย่างเชียงใหม่

เสียงสะท้อนที่ออกมาคือ “ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง” แนวๆ ให้คนอื่นมาทำงานแทนบ้านใหญ่ดูบ้าง ซึ่งขณะนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กำลังลงพื้นที่เพื่อเรียกคะแนนนิยมให้พรรคสำหรับสนาม อบจ. อยู่ ล่าสุดที่เพิ่งไปมาคือที่ภูเก็ต และก่อนหน้านั้นก็เคยไปอุดรธานี

เป้าหมายของนายพิธาและพรรคก้าวไกล คือ ขยายฐานเสียงจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งนายพิธาระบุว่า มีประมาณ 40 จังหวัด ที่คะแนนของพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังเหลืออีก 20-30 จังหวัด ที่คะแนนพรรคมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ตัวนายพิธาเอง ต้องเดินหน้ารณรงค์เต็มที่ ประกอบกับ สส. หรือสาขาพรรคก็ต้องทำคะแนน

ซึ่งสนาม อบจ. นั้น ยังไม่ค่อยเห็นพรรคเพื่อไทยออกตัวนัก ขณะที่เสี่ยนิดต้องเดินสายเรียกคะแนนนิยม (เริ่มมีคนมองนายกฯ แล้วว่า พยายามทำคล้ายอดีตนายกฯ ทักษิณ คือไปต่างจังหวัดแบบทัวร์นกขมิ้นบ่อย คล้ายอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ คือไปต่างประเทศเองบ่อย และคล้ายอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ คือพูดบ่อย สองคนหลังกลายเป็นประเด็นให้คนนินทา)

อบจ. เป็นสนามสำคัญที่อาจเป็นตัววัดความนิยมพรรค ไปถึงการเลือก สส. น่าสนใจว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นแม่ทัพลงพื้นที่ดึงคะแนนนิยมจากการเลือกตั้งท้องถิ่นกลับให้พรรคได้หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดบารมีนายทักษิณ ณ วันนี้ ถ้าพลาดเสียเก้าอี้ อบจ. จังหวัดสำคัญๆ ก็อาจกระทบถึงการเลือกตั้ง สส. สมัยหน้า

และอาจมีผลไปถึงการเลือก สว. และการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ด้วย ที่ขั้วฝั่งซ้าย ชิงคะแนนนิยมไปได้ ถ้าเช่นนั้น อิทธิพลในการกำหนดกติกาของเพื่อไทย ก็จะถูกจำกัดไปด้วย.