น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เสนาดีเวลลอปเมันท์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการจะเป็นเจ้าของบ้านได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายและดูเหมือนจะยิ่งยากขึ้นด้วย โดยเฉพาะคนรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาที่พักอาศัยมีอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ เงินออมน้อยลง ภาระหนี้สิ้นที่เพิ่ม 

ล่าสุดในปี 2566 หนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของไทยสูงถึงราว 560,000 บาท ส่วนในปี 2567 มีประมาณการไว้ว่า หนี้ครัวเรือนของไทยจะเพิ่มสูงไปถึง

ราว 91% ต่อ GDP ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงต่อระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยก็เป็นช่องขาขึ้นอยู่ที่ 2.5% สูงที่สุดในรอบ 10 ปี 

“คนไทยจำนวนไม่น้อย ต้องประสบปัญหาทางด้านการเงิน หรือด้านเครดิต ศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัยจึงลดลง สวนทางกับราคาที่พักอาศัยที่สูงขึ้นจากต้นทุน การให้สินเชื่อเพื่อที่พักอาศัยของธนาคาร จึงเป็นเรื่องที่ยากขึ้นอีก มีมาตรการที่คุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยสูงถึงกว่า 50% กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” 

ทั้งนี้ บริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหานี้เรื่อยมา โดยหนึ่งในนั้นคือบริการ “เงินสดใจดี” หรือ The lending hand who understands เป็นผู้ช่วยทางการเงินเพื่อสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัท เงินสดใจดี จำกัด โดยที่ “เงินสดใจดี” ทำหน้าเสมือนผู้ช่วยทางการเงินส่วนตัว ที่ช่วยการวิเคราะห์ และวางแผนการเงินเพื่อเลือกใช้สินเชื่อให้เกิดประโยชน์และเหมะสมที่สุดกับลูกค้า 

ประกอบด้วย 1.วิเคราะห์สถานะทางการเงินของลูกค้าด้วยเครดิตบูโร และ DSR (ความสามารถในการผ่อนชำระ) ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและแนะนำสินเชื่อที่เหมาะสมกับเครดิตของลูกค้ามากที่สุด 2.บริการสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรายย่อย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการซื้อบ้าน ในกรณีที่สถานะทางการเงินยังไม่เป็นไปตามกำหนดของธนาคาร และ 3.การสร้างเครดิตผ่านการเช่าซื้อ เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินและเครดิตที่ดี เพื่อเป็นเจ้าของบ้านต่อไปในอนาคต

สำหรับ “เงินสดใจดี” ได้เริ่มทดลองให้บริการไปเมื่อปี 2566 ผลลัพธ์ได้เป็นไปในทิศทางที่ดี สามารถเป็นเจ้าของที่พักอาศัยจากยอดที่ธนาคารปฏิเสธได้ราว 7-10% หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 300 ล้านบาท และมีแนวโน้มของความสนใจมากขึ้น ซึ่งในปี 2567 นี้ บริษัทได้ตั้งเป้าให้เงินสดใจดี ช่วยให้เข้าถึงการมีบ้าน หรือลดยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารได้อย่างน้อยที่ 10-15% ซึ่งจะสะท้อนโดยตรงไปถึงยอดขายบ้านของ SENA ที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย