เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 ก.พ. ที่สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง จ.ยะลา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีและยะลา ว่า การที่ตนลงมาที่นี่ด้วยตัวเองและมาค้าง 2 คืน ถือเป็นนายกรัฐมนตรีในรอบ 10 ปี ที่ไม่ได้มาค้างที่นี่ถือเป็นการแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเราจะนำความเสมอภาคความเท่าเทียมและโอกาสมาสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ และตนอยากให้พี่น้อง  3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความไว้วางใจรัฐบาลนี้ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต และจะเข้าเดือนรอมฎอนหรือพิธีถือศีลอด ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาอิสลาม มีการยกโทษให้กันและกัน เป็นเรื่องของการที่เราต้องเดินไปข้างหน้า วันนี้รัฐบาลพร้อมที่จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างประชาชนกับประชาชนในทุกเขตทุกประเทศ เพื่อให้เราลืมความทุกข์ และวันนี้อยากขอให้เราโฟกัสในเรื่องของโอกาสจะดีกว่า

“พอดีพระมหากษัตริย์บรูไนจะมาเยือนประเทศไทย ไม่แน่ใจว่าเดือนมี.ค.หรือเดือนเม.ย. และผมได้บอกน้องๆ วงออเคสตร้าว่าจะให้มาเล่นที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อโชว์และได้มาทัศนศึกษาที่ทำเนียบฯด้วย เพื่อจะได้มีความหวังและเป็นแรงบันดาลใจ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามถึงเรื่องการพูดคุยสันติภาพ ที่รัฐบาลสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  อดีตนายกฯ ริเริ่มซึ่งวันนี้จะครบรอบ 11 ปี รัฐบาลจะมีการต่อยอดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนว่าจะต้องดำเนินการต่อ แต่ในการพูดคุยกันอยากให้พูดคุยเรื่องของโอกาส เรื่องของอนาคตที่ดี ที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  เมื่อถามย้ำว่าการพูดคุยจะไม่มีการล้มใช่หรือไม่  นายกฯ กล่าวยืนยันว่า จะไม่มีการล้มแน่นอน

เมื่อถามต่อว่าในอนาคตมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องพูดคุยกัน วันนี้อย่างที่ตนขอร้องไว้ การลงมาครั้งนี้ไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ เราไม่อยากพูดถึงความขัดแย้ง ความไม่มั่นคง เราขอพูดถึงเรื่องโอกาสและศักยภาพดีกว่า

นายกฯ กล่าวต่อว่า ความจริงการลงพื้นที่ครั้งนี้ตนได้เชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาร่วมลงพื้นที่ แต่ท่านติดภารกิจเดินทางไปประชุมอาเซียน-ออสเตรเลียก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ส่งรูปมายืนยันว่านายกฯ มาเลเซียไม่ได้เบี้ยวตน  ส่วนมีโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาร่วมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่นั้น  ปีหน้าจะนัดมาและจะเปลี่ยนไปเมืองต่างๆ ด้วย เชื่อว่าท่านไม่รังเกียจและยินดีที่จะร่วมพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้มันดี ทั้งตอนเหนือของมาเลเซียและตอนใต้ของไทย  ซึ่งความจริงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนมันดีเยี่ยมอยู่แล้ว 

เมื่อถามถึงสนามบินเบตงมีสิทธิที่จะพัฒนากลับมาให้ใช้ใหม่ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเห็นใจภาคเอกชนเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องเชิงพาณิชย์ ซึ่งต้องมีเรื่องผลกำไร หรืออย่างน้อยต้องไม่ขาดทุน หรือขาดทุนน้อย หากอยู่ดีๆ เราไปบังคับให้เอกชนมาให้บริการ ต้องนึกถึงใจเขาใจเราด้วย  แต่หากปลายปีนี้ กระทรวงการคลังสามารถเข้าไปถือหุ้นใหญ่ก็อาจจะมีนโยบายดูว่าจะเข้าไปสนับสนุนตรงนี้ได้หรือไม่.