เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่รร.พันล้าน อ.เมือง จ.หนองคาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางถึง จ.หนองคาย โดยนั่งรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน กม 8888 ขอนแก่น เมื่อเดินทางถึงมีตัวแทนกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาพัฒนาชาติไทย ต้อนรับและให้กำลังใจ ถูกผ้าขาวม้าแดง และ สส.นำพระพุทธรูปมามอบให้เป็นที่ระลึก ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร  มีสีหน้าแจ่มใส แต่งกายด้วยสีแดงสดใสทั้งตัว โดยสวมเสื้อฮาวายสีแดง ทับด้วยแจ๊กเกตสีแดง กางเกงสแลกและรองเท้าผ้าใบสีแดง สีสันแปลกตากว่าทุกครั้ง 

จากนั้นเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร เป็นประธานเปิด “เวทีวิชาการรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชน” ผู้ประกอบการเอกชน กลุ่ม จ.หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ หนองบัวลำภู  เลย ทั้งเรื่องของการแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การยกระดับอุตสาหกรรมและสร้างระบบเศรษฐกิจบีซีจี  ยกระดับโครงสร้างการขนส่งและคมนาคมของประชาชน พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน รวมถึงปฏิรูปรัฐราชการและการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิต มีแกนนำ กรรมการบริหารพรรค สส. เข้าร่วม อาทิ นายสันติ  พร้อมพัฒน์ นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รมช.สาธารณสุข  น.ส.ตรีนุช เทียนทอง นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์  นายวราเทพ  รัตนากร นายอุตตม สาวนายน นายไพบูลย์ นิติตะวัน โดยผู้สื่อข่าวเอ่ยแซวว่า “วันนี้สวมเสื้อแดงทั้งชุด” พล.อ.ประวิตรหันมามองสื่อโดยไม่ได้แสดงท่าทีหรือกล่าวสิ่งใด

พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดสัมมนา ตอนหนึ่งว่า พรรค พปชร.ขอบคุณทุกคนที่ร่วมสัมมนาและเสียสละเวลามาร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคอีสาน พรรค พปชร.รู้สึกยินดีที่มาเปิดเวทีรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อรับฟังทุกปัญหากับประชาชนในพื้นที่โดยตรง ตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรค พปชร.ขับเคลื่อนแก้ปัญหาความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำ โดยเพิ่มสิทธิและสวัสดิการความเป็นอยู่ให้ประชาชน ส่งเสริมที่ดินทำกินและเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำ ระบบชลประทาน การแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ให้เบ็ดเสร็จที่ทำมาต่อเนื่องทั่วประเทศ ตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมาโดยพรรคตระหนักดีว่าจะแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ โดยคำนึงถึงบริบทความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละจังหวัดและภูมิภาคที่จะจัดทำภูมิศาสตร์หลายภาคขึ้น

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ดูข้อมูลที่ได้รับจากทุกภาคส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์จะนำไปจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาภาคอีสาน ให้ทันสมัยและยึดโยงความต้องการของคนในภาคอีสาน โดยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การฟังความคิดเห็นในแต่ละภาคส่วนทุกพื้นที่จะนำมาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคต่อไป ทั้งนี้ภาคอีสานมีหลายเรื่องที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป  เช่น กลุ่มจังหวัดอีสานเหนือเป็นศูนย์กลางการลงทุน  ขนส่งและการค้าชายแดน ของอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งให้เชื่อมโยงรถไฟ  จีน-ลาว ส่วนกลุ่มจังหวัดอีสานกลางเป็นกลุ่มการค้าอินโดจีนและอีสานใต้โดดเด่นอุตสาหกรรมชีวภาพเกษตรและอาหาร แต่ละพื้นที่มีบริบทต่างกัน ใครมีความคิดเห็นอย่างไร ขอให้แสดงความคิดเห็นมาเพื่อเราจะนำไปพัฒนาภาคอีสานให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป.