จากกรณีแพทย์หญิง โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดภูเก็ต เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื่องจากถูกชายชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย ขณะนั่งบนบันไดวิลล่าหรูติดชายหาด ทั้งยังถูกภรรยาชาวไทยของชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว พูดจาดูถูกและขู่ทำร้าย กระทั่งกลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนสะเทือนโซเชียล โดยคุณพ่อของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ยอมไม่ได้ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้ลูกสาวจะฟ้องศาลกรณีถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ที่ถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีหญิงไทย กระทั่งมีการออกมาแฉว่า ฝรั่งคนดังกล่าวเป็นเจ้าของมูลนิธิอนุรักษ์ช้าง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณชายหาดยามู หมู่ 7 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบริเวณจุดเกิดเหตุ  เช้าวันนี้ ได้มีชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวนกว่า 500 คนเดินทางมาร่วมกิจกรรมแสดงออก ตามที่มีการนัดหมายในโลกออนไลน์ ในเวลา 09.00 น. และได้มีการถ่ายรูปกับบันไดที่เกิดเหตุ  ก่อนที่จะมีการรื้อออกในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรม ได้นำกระดาษขนาด เอ 4  เขียนข้อความภาษาอังกฤษ ว่า Local people don’t want animal.  มาถือที่บริเวณจุดเกิดเหตุตรงบันไดริมชายหาด  ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาดูแลความความปลอดภัยให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมด้วย

นายประสิทธิ์ วงศ์ขจร ชาวบ้านรายหนึ่งที่มาร่วมกิจกรรม บอกว่า หลังจากที่ได้ติดตามข่าว ก็รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยเจตนาหรือไม่ ที่เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว  ส่วนตนเองในวันนี้เดินทางมาดูเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองว่าเป็นอย่างไร และตามที่เห็นก็เชื่อว่าคุณหมอเป็นผู้ถูกกระทำ ก็จะมาให้กำลังใจคุณหมอ  จากการติดตามข่าวของฝรั่งคนนี้ก็รู้สึกว่า มีพฤติกรรมที่เราในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ ยอมรับไม่ได้ ก็อยากให้มาร่วมกันแสดงพลังต่อต้านพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้สังคมนี้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข  เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ไม่น่าจะเกิดขึ้น ยิ่งเป็นการกระทำต่อผู้หญิง ก็ให้อภัยไม่ได้

ไหว้สวย! ‘ฝรั่งเตะแพทย์หญิง-ภรรยา’ ยอมขอโทษ อ้างคิดว่าทัวริสต์จีน

ส่วนการรวมตัวกันวันนี้ เป็นโอกาสอันดีที่มีกิจกรรมนี้ เดิมเมื่อสมัยที่เป็นเด็ก จังหวัดภูเก็ต สามารถเดินได้รอบเกาะภูเก็ต แต่ปัจจุบัน มีกลุ่มนายทุนมาซื้อที่ดินแล้วเปลี่ยนมือไปทำธุรกิจโครงการขึ้นมา ก็มักจะอ้างครอบครองกรรมสิทธิ์จนถึงหาด  อ้างเป็นหาดส่วนตัว และเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ และอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว เพื่อชมธรรมชาติได้อย่างแท้จริง