นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบร่างตราสารว่าด้วยการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเชียน (ร่างตราสารฯ) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 มี.ค. 67 ออกไปเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 เพื่อสนับสนุนความพยายามของหัวหน้าคณะผู้บริหารกิจการไฟฟ้าอาเซียนและคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียนในการพัฒนาระบบไฟฟ้าของภูมิภาค ให้สามารถยกระดับการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า และการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน

โดยเปิดโอกาสให้มีการแบ่งปันทรัพยากรของภูมิภาคด้วยการส่งพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องร่วมลงนามในร่างตราสารฯ ให้เสร็จสิ้นครบทุกประเทศก่อนที่ผลบังคับใช้ของบันทึกความเข้าใจ เอพีจี จะสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ประเทศไทยมีการดำเนินโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน จำนวนทั้งสิ้น 18 โครงการ โดยมีกำลังส่งไฟฟ้ารวมประมาณ 7,700 เมกะวัตต์ และยังมีการดำเนินโครงการลักษณะเดียวกันซึ่งเป็นข้อตกลงเชิงธุรกิจระหว่างการไฟฟ้าของประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนภารกิจของ APG

ด้านการพัฒนาการซื้อขายไฟฟ้าพหุภาคีในอาเซียนโดยไม่ได้มีผลบังคับภายใต้บันทึกความเข้าใจเอพีจีและประเทศสมาชิกสามารถพิจารณาการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมโครงการในระยะถัดไปได้ตามความเหมาะสม เช่น (1) โครงการบูรณาการสายส่งไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย และมาเลเซีย ซึ่งหยุดดำเนินการไปเมื่อเดือนธ.ค. 2564 (ดำเนินการเสร็จสิ้นตามแผนแล้ว) (2) โครงการบูรณาการสายส่งไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ดำเนินการระหว่างวันที่ 23 มิ.ย. 2565-22 มิ.ย. 2567