เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีหมายเลขดำที่ ย.1446/2566 ที่ อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายอุปกิต ปาจารียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เป็นจำเลย ในข้อหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สนับสนุนหรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ รวม 6 ฐานความผิด

นัดตรวจหลักฐานในวันนี้ นายอุปกิต ปาจารียางกูร พร้อมด้วย นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความเดินทางมาศาล ด้านฝั่งอัยการโจทก์ นายชุมพล ทองเพ็ง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เดินทางมาพร้อมด้วย น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรืออัยการดาว อัยการผู้เชี่ยวชาญคดียาเสพติด 9 เดินทางมาศาล

นายอุปกิต เปิดเผยก่อนขึ้นไปห้องพิจารณาคดี ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน ของฝ่ายโจทก์และจำเลยในคดี ซึ่งเลื่อนมาเร็วขึ้นจากกำหนดเดิม พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงคดีที่ศาลได้ยกฟ้องจำเลยในคดีทุนมินลัตทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และเกี่ยวกับคดี ทุนมินลัต ศาลได้ยกฟ้องทุกข้อกล่าวหาทั้ง 32 ข้อกล่าวหา ซึ่งศาลพิจารณาแล้วว่าหลักฐานของจำเลยสามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ทั้งหมด สรุปง่ายๆ ว่า ศาลได้กรุณาพิจารณาแล้วว่าทั้ง 4 คน รวมทั้งบริษัท ไม่มีข้อกล่าวหาใดๆ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การฟอกเงิน และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเลยได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ยังมีช่วงหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลที่ระบุว่า พนักงานสืบสวนสอบสวน ทำการสอบสวนผิดทิศทาง จึงทำให้จำเลยถูกดำเนินคดี ซึ่งต้นเรื่องคือ 4-5 คน ยังไม่มีความผิด และตนเองได้ขายธุรกิจออกไปจากบริษัทตั้งแต่ปี 2562 ตั้งแต่ก่อนมาเป็นวุฒิสมาชิก ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังคงต้องขึ้นศาลเพื่อต่อสู้คดีต่อไป

นายอุปกิต ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีที่ได้มีการยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนไว้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องไปแล้ว แต่ตนเอง ก็จะใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป เพราะชัดเจนแล้วว่า กลุ่มพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนผิดทิศทาง จึงทำให้กลุ่มจำเลยถูกกล่าวหาและถูกควบคุมตัว ส่วนคนที่กล่าวหาตนเอง ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด เพราะเป็นสิทธิของตนเอง

พร้อมกันนี้ อยากจะบอกกับสังคมว่าคดีนี้มีความชัดเจนมาก มีปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ ที่ผิดปกติ เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะทางการเมืองหรือกระบวนการกลางน้ำ ที่ตนเองได้เคยตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้ ว่า มีอดีตอัยการสูงสุดผู้หญิงท่านหนึ่ง ที่ตนเองได้ร้องขอความเป็นธรรมไปหลายรอบ แต่ก็ไม่มีการพิจารณาในประเด็นที่ว่ามีบริษัทหลายร้อยบริษัทที่โอนเงินผ่าน Money Changer ในลักษณะนี้เป็นลักษณะของการทำธุรกิจในช่วงที่ด่านปิด และในที่สุด ท่านก็เซ็นสั่งฟ้องตนเองด้วยข้อหากล่าวหาร้ายแรง ถึง 6 ข้อหา ก็ไม่ทราบว่าใครจะรับผิดชอบต่อชื่อเสียงและการที่ทั้ง 4 คน ต้องไปติดคุกเป็นเวลานาน ถึง 1 ปี 4 เดือน

นัดตรวจหลักฐานวันนี้คู่ความทั้งโจทก์จำเลย แถลงขอเลื่อนนัดตรวจหลักฐานในวันนี้ออกไปอีก 1 นัด เนื่องจากคู่ความยังไม่ได้รับเอกสารที่รอคัดถ่ายเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับคดี ทุนมินลัต ที่มีข้อเท็จจริงเดียวกัน ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเอกสารสำคัญที่คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่ได้ตรวจสอบ จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานเป็นวันที่ 22, 29 เม.ย. (เอกสารจำนวนมากกว่า 28 ลัง)

ต่อมาภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดี

นายอุปกิต กล่าวเพิ่มเติมว่า นัดตรวจหลักฐานในวันนี้ จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากเอกสารที่ยังไม่ได้คัดถ่ายในวันนี้มีเป็นจำนวนมากหลายสิบลัง ซึ่งจะต้องใช้เวลาอ่านเอกสารอย่างรอบคอบจึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 22 เม.ย. นี้ ซึ่งเราได้เตรียมพยานหลักฐานในคดีนี้ไว้พอสมควร ซึ่งตนยืนยันความบริสุทธิ์มาโดยตลอด ซึ่งเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดี ทุนมินลัต ซึ่งมีลูกเขยและลูกน้องของตนเอง ซึ่งเป็นการยกฟ้องเด็ดขาดทั้งในเรื่องยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และศาลได้พิจารณาว่าตำรวจได้สอบสวนผิดทิศทาง และได้ดำเนินคดีจำเลย 4-5 คน ซึ่งเป็นต้นเรื่องคดีทุนมินลัต ซึ่งเมื่อ 4-5 คน ไม่มีความผิด ตนเองซึ่งเป็น สว. และได้ขายธุรกิจที่ถูกกล่าวหาไปแล้ว ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งในวันนัดตรวจหลักฐานก็ได้เตรียมพยานเพิ่มอีก 2 ปาก คดีนี้กับ ทุนมินลัต เป็นข้อเท็จจริงเดียวกันหมด แต่ก็จะต้องดำเนินกระบวนการจนมีคำพิพากษาไป เพราะอัยการสูงสุดคนที่แล้วฟ้องเข้ามาแล้ว และคงไม่ถอนฟ้อง

เมื่อถามว่าเป็นกระบวนการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายอุปกิต กล่าวว่า กลั่นแกล้งแน่นอน ในวันที่ 15 มี.ค. ที่ สว. จะอภิปรายรัฐบาลนี้ ตนจะอภิปรายในสภาประเด็นนี้ด้วย ตนเคยพูดถึงทฤษฎีสมคบคิด ที่เอาตนไปอภิปรายในสภา หลังจากมีการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน ที่เกี่ยวเนื่องกับทุนมินลัต ซึ่งเป็นช่วงก่อนเลือกตั้ง 6 เดือน และมีพนักงานสอบสวนได้ให้เอกสารไปอภิปรายในสภา และมีการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียล จึงเห็นได้ว่ามีการจัดทำเป็นขบวนการ ส่วนเรื่องจะฟ้องกลับคนที่กลั่นแกล้ง หรือฟ้องกลับ อสส. หรือไม่ ต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน และจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งก็ต้องดูรายละเอียดในคำพิพากษา ในส่วนทรัพย์สินตอนนี้ถูกอายัดชั่วคราว อยู่ในรายละเอียดตามที่เป็นข่าว

นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความนายอุปกิต กล่าวว่า เดิมที่ทนายความเตรียมไว้ 20 กว่าปาก ก็ประมาณเกือบ 30 ปาก แต่ในวันนัดตรวจหลักฐานครั้งหน้า ก็จะเอาบัญชีพยานมาเทียบกับของอัยการว่า มีพยานปากไหนตรงกัน เพื่อจะได้ตัดพยานให้เหลือน้อย ไม่ต้องสืบซ้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ อัยการโจทก์เตรียมพยานขึ้นเบิกความกว่า 38 ปาก