เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มี.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้มีการพิจารณากระทู้ถาม ของ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สว. ถาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การจัดสรรพื้นที่ป่าชายเลนให้เอกชนปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ว่า อยากถามถึงความเป็นมาของโครงการฯดังกล่าว ว่ามีหลักการและเหตุผลอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ และเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือบุคคลภายนอกเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะ หาประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าให้โอกาสชุมชนได้ร่วมพัฒนาดูแลประโยชน์หรือไม่ และรัฐบาลยังคงดำเนินโครงการลักษณะนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะทราบว่ามีแผน 10 ปี และรัฐบาลมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชนในการให้ชุมชนเป็นเจ้าภาพทำโครงการฯ นี้ โดยไม่ต้องผ่านเอกชน

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท ชี้แจงถึงที่มาของโครงการปลูกป่าชายเลนฯ นั้น เนื่องจากประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในการประชุม cop 26 และต่อมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงทรัพย์ ทำโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต โดยมีหลักเกณฑ์ว่าพื้นที่ป่าชายเลนยังคงเป็นของรัฐ และกรมทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นเจ้าของโครงการ ควบคุมดูแลและติดตามประเมินผลโครงการไม่ใช่เป็นการอนุญาตสัมปทาน โดยทางกรมฯ ดำเนินการปลูกป่าชายเลนฯ เมื่อปี 2565 เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนและแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนและเอกชนมีส่วนร่วม

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การดำเนินโครงการฯ มีการประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีทั้งเอกชน องค์กร และมูลนิธิ รวม 14 ราย โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ ทั้งนี้ โครงการฯ ยังคงเป็นพื้นที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลฯ และชุมชนยังสามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่โครงการได้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับเพียงสัดส่วนการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตตามระเบียบที่กรมทรัพยากรทางทะเลฯกำหนดเท่านั้น การดำเนินโครงการฯ ไม่ใช่อนุญาตให้เอกชนมาดำเนินการในลักษณะการให้สัมปทานป่าไม้ เป็นเพียงให้ร่วมดำเนินโครงการฯ เท่านั้น ชุมชนยังสามารถใช้ประโยชน์จับสัตว์น้ำ หาของป่า ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กิจกรรมสาธารณประโยชน์ภายในชุมชน และวิถีชีวิตได้อย่างปกติ โดยต้องเป็นไปอย่างสมดุลไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวต่อว่า ทางกระทรวงทรัพย์ยังมีการดำเนินโครงการนี้ต่อไปตามนโยบายรัฐบาล แต่จะติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาผลดีผลเสีย ความคุ้มค่า และประโยชน์ของชาติและประชาชนที่จะได้รับเป็นสำคัญ หากโครงการใดไม่ดำเนินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงฯ จะยกเลิกโครงการ ทั้งนี้ ยังมีมาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการพัฒนาป่าชายเลน โดยมอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลฯ ลงทะเบียน ขึ้นกลุ่มชุมชนชายฝั่ง เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมดูแลฟื้นฟูป่าชายเลน ตามกฎหมายกรมทรัพยากรทางทะเลฯ.