เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รอง ผวจ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง ที่เป็นข่าวดังในขณะนี้ ว่า ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว พร้อมกับสั่งกําชับทุกหน่วยให้ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ในทุกประเด็นของการแจ้งความ ส่วนทางคดีทราบว่า ได้มีการเรียกคู่กรณีมาสอบปากคําแล้ว โดยมีการปฏิเสธในชั้นสอบสวน ส่วนระดับต่อไป ขึ้นอยู่กับกระบวนการทางศาล

ทั้งนี้ ได้กําชับให้ดำเนินด้วยความเป็นธรรมและต้องให้เกิดความมั่นใจว่า ไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่วนประเด็นต่อมาเรื่องของการตรวจสอบสิทธิการเข้าอยู่ ทั้งในเรื่องของวีซ่าหรือว่าการทำประโยชน์หรือการประกอบอาชีพของต่างชาติ เข้าข่ายเป็นมาเฟียหรือกระทําสิ่งผิดกฎหมายด้านใดหรือไม่ เพราะมีการขุดคุ้ย ซึ่งแต่ละประเด็นอาจจะเข้าข่ายการกระทําการคุกคามข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความหวาดกลัว และให้ตรวจสอบว่า เข้าข่ายการกระทําผิดกฎหมายด้านอื่นหรือไม่อย่างไร

นอกจากนี้ การตรวจสอบการจดทะเบียนมูลนิธิ ได้สั่งให้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นการดำเนินกิจการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบไม่ถูกต้องจะเพิกถอนมูลนิธิ โดยให้นายทะเบียนทําหนังสือถึงอัยการยื่นต่อศาล และในส่วนของธุรกิจปางช้าง ธุรกิจนําเที่ยว ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียด

ขณะที่ประเด็นวีซ่าของนายเดวิด ที่จะครบการพำนักประมาณวันที่ 10-13 มีนาคม นี้นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า หากระบวนพิจารณาคดีต่างๆ ยังไม่แล้วเสร็จ จะมีการการพิจารณาอนุมัติเพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่อไป แต่หากทุกคดีสิ้นสุด จะมีการพิจารณาไม่ต่อวีซ่าหรือไม่นั้น เป็นไปตามการพิจารณาของ ตม.

บานปลาย! ‘สส.ก้าวไกล’ ลุยตรวจปางช้าง ‘ฝรั่งเตะหมอ’ ที่ภูเก็ต หลังสงสัยรุกลํ้าพื้นที่อุทยานฯ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีแรงงานหรือสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ที่ลูกจ้างร้องเรียนนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งดำเนินการตามกฎหมายแรงงาน และเรื่องปัญหาที่ดินสาธารณะ ซึ่งทุกแห่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

ทั้งนี้ ได้ให้ท้องถิ่น ออกคำสั่งให้รื้อถอนบันไดหรือว่าสิ่งปลูกสร้างที่เป็นคดีความภายใน 30 วัน หากครบกำหนด ท้องถิ่นต้องทำการรื้อถอนเองและเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด

นอกจากนั้น ทางจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เน้นย้ำให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของคนไทย และได้สั่งการให้ทุกอำเภอและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมต่างชาติ ที่เข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคง ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการกับกลุ่มมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพล ที่มีพฤติกรรมคุกคามข่มขู่และประกอบอาชีพผิดกฎหมายต่างๆ แล้ว.