เมื่อวันที่ 5 มี.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีหลังการลงพื้นที่ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จังหวัดปัตตานี ว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้กรุณาลงพื้นภาคใต้ ที่ผ่านมาเมื่อปี 2546 อดีตนายกฯทักษิณก็เคยลงไปนอนค้างในพื้นที่จนมาถึงนายกฯเศรษฐา ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น สิ่งสำคัญในการลงพื้นที่ครั้งนี้พบว่าไม่มีทหารสวมเครื่องแบบมารักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น รวมทั้งไม่มีด่านตรวจ เนื่องจากนายกฯ ต้องการให้เป็นการลงพื้นที่เหมือนประชาชนธรรมดา ไม่ต้องรักษาความปลอดภัยหนาแน่นซึ่งนับเป็นความกล้าหาญ

ส่วนการที่ถูกตั้งคำถามว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้หลีกเลี่ยง ละเลยไม่พูดถึงเรื่องปัญหาความมั่นคง และความยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ทางคณะพูดคุยให้ข้อมูลว่าในยุคของนายกฯ เศรษฐา มีความก้าวหน้าในการพูดคุยเรื่องสันติภาพมากที่สุด การเข้าไปเยี่ยมที่มัสยิดกรือเซะซึ่งมีประวัติศาสตร์ในปี 2547 มีผู้เสียชีวิต 34 คน และเสียชีวิตหลายร้อยคนรอบมัสยิด พร้อมกับชื่นชมนายเศรษฐาว่ามีความกล้าหาญ เพราะสันติภาพคือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างมีความหวัง ขออย่านำวาทกรรมไปพูดให้คนแก้แค้นกัน นั่นไม่ใช่เรื่องสันติภาพ เพราะสันติภาพคือจะทำอย่างไรให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น นำความเสมอภาคความเท่าเทียมเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งเรื่องการพูดคุยสันติภาพ นายกฯ แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่สนับสนุนอย่างเต็มที่

สำหรับมาตรการความปลอดภัยในช่วงเดือนรอมฎอนนั้น การพูดคุยได้ยกวาระเรื่องเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนอันประเสริฐของพี่น้องมุสลิมทึ่จะปฏิบัติกิจทางศาสนาโดยทางรัฐได้อำนวยความสะดวกในภารกิจจึงถือว่าไม่ใช่เดือนที่น่าเป็นห่วงแต่เป็นเดือนที่ปลอดภัย ไม่มีความกังวลใจ

ขณะที่การแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่านายกฯได้ออกนโยบายแก้ปัญหาในพื้นที่โดยเฉพาะ โดยใช้มิติของหลักศาสนา วัฒนธรรม และการพัฒนา เพราะยาเสพติดถือเป็นศัตรูของศาสนา หรือเป็นของต้องห้ามของศาสนา ขณะนี้ผู้นำศาสนาในพื้นที่มีความตื่นตัวเป็นอย่างมากในการช่วยกันดูแลชุมชน และมีโต๊ะครูปอเนาะกว่า 700 คน ประกาศพร้อมแก้ปัญหายาเสพติด และนี่คือการพูดคุยสันติภาพอย่างแท้จริง เพราะทุกคนเป็นห่วงเยาวชนเป็นห่วงอนาคต