เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่พญาไท แกรนด์บอลรูม ชั้น 6 โรงแรมอีสตินแกรนด์พญาไท มูลนิธิอิศรา อมันตกุล และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี (TJA69th Anniversary Talk) และพิธีมอบรางวัลผลการประกวดข่าวยอดเยี่ยมจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ และภาพข่าวยอดเยี่ยมจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ รางวัลอิศรา อมันตกุล โดยมี นายอภิชัย รุ่งเรืองกุล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาและรองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ ร่วมแสดงความยินดี

สำหรับผลการตัดสินรางวัลอิศรา อมันตกุล ประเภทข่าวจากสื่อหนังสือพิมพ์ ประจำปี 2566ไม่มีผลงานข่าวใดได้รับรางวัลยอดเยี่ยม มีรางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่ ผลงานข่าว “ชำแหละ…หมูเถื่อน สาวไส้ ‘เชือด’ ทั้งขบวนการ โดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้รับโล่และเงินรางวัล 20,000 บาท และผลงานข่าว ตีแผ่แก๊งมอดไม้ ‘พะยูง-ประดู่’ โยงใยจนท.รัฐ เอื้อใบสั่ง…นายทุนจีน โดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้รับโล่และเงินรางวัล 20,000 บาท

ส่วนผลการตัดสินรางวัลอิศรา อมันตกุล ประเภทภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ มีผลงานภาพข่าวได้รับรางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล และรางวัลชมเชย 2 รางวัล ผลงานภาพข่าวจากสื่อหนังสือพิมพ์ ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ภาพข่าว “หนีตาย” ถ่ายโดย นายจุมพล นพทิพย์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้รับโล่และเงินรางวัล 50,000 บาท

ส่วนภาพข่าวจากสื่อหนังสือพิมพ์ที่ได้รับรางวัลชมเชย ได้แก่ภาพข่าว “บ๊ายบาย…ปู๊นปู๊นนนน” ถ่ายโดยนายสมชาย ภูมิลาด หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และ ภาพข่าว โผกอด ถ่ายโดย นายกอบภัค พรหมเลขา จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้รับโล่และเงินรางวัลๆละ 20,000 บาท

นายจุมพล นพทิพย์ ผู้ได้รับรางวัลภาพข่าว นสพ.ยอดเยี่ยม “หนีตาย” กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุเป็นเวลา 16.00 น. ได้ยินว่ามีเหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน ตอนนั้นตนได้รับมอบหมายไปถ่ายงานอื่นอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามห้างที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากวันนั้นมีฝนตกหนักมากและเป็นช่วงเย็นที่รถติดหนักทำให้นักข่าวและช่างภาพรายอื่นที่กำลังเดินทางไม่สามารถเข้าถึงได้รวดเร็ว ตนจึงตัดสินใจวิ่งข้ามไปขณะที่ฝนตกหนักส่งผลให้กล้องเปียกฝนและขัดข้อง ซึ่งตอนนั้นเหตุการณ์ชุลมุนมาก ทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้างได้เริ่มทยอยไล่ให้คนออกมาจากห้างเพื่อความปลอดภัย ช่วงที่ไปถึงก็ได้เห็นรถพยาบาลทยอยมารับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บออกไป โดยในรูปที่ได้รางวัลในปีนี้คือ ช่วงจังหวะที่เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกำลังหอบข้าวของพะรุงพะรัง ตัวของคุณแม่เองนั้นก็อุ้มลูกน้อยไว้ในมือ โดยที่มีสามีคอยหอบของพะรุงพะรัง อีกมือก็คอยประคองเธอไว้กับลูกน้อย เมื่อเห็นภาพนั้นจึงตัดสินใจลั่นชัตเตอร์และได้ถ่ายภาพจังหวะนั้นมาได้พอดี

“ดีใจมากสำหรับรางวัลนี้ที่ได้มา ขอขอบคุณสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยที่เห็นคุณค่าของความตั้งใจของตนนั้นที่ต้องการสื่อสารออกมาทางภาพถ่ายในครั้งนี้ และในสิ่งสำคัญที่สุดขอขอบคุณทีมงานที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ คือทีมงานของเดลินิวส์ที่คอยช่วยซัพพอร์ตงานให้ออกมาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมเชื่อว่าถึงเราจะทำงานได้ดีเพียงใด แต่ถ้าเรามีทีงานที่ดีที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง งานนั้นจะประสบความสำเร็จด้วยดีได้อย่างเช่นงานนี้ที่ตนได้รับรางวัล ขอขอบคุณทีมงานเดลินิวส์ เจ้านาย บก.ข่าว และเพื่อนร่วมงานที่ดีทุกคนที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณมากๆ ครับ”

ด้านนายสมาน พิมพ์โคตร หัวหน้าข่าวเกษตร นสพ.เดลินิวส์ 1 ในผู้ที่ทำข่าวชำแหละ…หมูเถื่อน สาวไส้ ‘เชือด’ ทั้งขบวนการ กล่าวว่า ที่มาของข่าวอันดับแรกต้องขอขอบคุณแหล่งข่าวที่ออกมาเปิดเผยถึงที่มาที่ไปของคดีหมูเถื่อน จากนั้นแผนกข่าวเกษตรได้ลงพื้นที่เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงจนทราบว่าขบวนการดังกล่าวใหญ่มาก ความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท และไม่เพียงแค่ 161 ตู้ เท่านั้น ยังมีอีกเป็นหมื่นตู้ที่มีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและมีการนำเสนอข่าวเรื่อยมา กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ อย่างไรก็ตาม นอกจากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนแล้ว ยังมีการลักลอบนำเข้าเนื้อวัว โคมีชีวิต ที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ กำลังเฝ้าติดตามอยู่ในขนะนี้ด้วย

น.ส.พิชญ์ธรา แก้วก่อ ผู้สื่อข่าวแผนกอาชญากรรมและชุมชนเมือง อีกหนึ่งฟันเฟืองที่ร่วมกันทำข่าวนี้ กล่าวว่า อันดับแรกต้องขอขอบคุณคณะกรรมการที่มอบรางวัลอันทรงคุณค่าให้กับผลงานข่าวชิ้นนี้ ขอบคุณทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์ และกองบรรณาธิการที่เปิดพื้นที่โดยไม่มีข้อจำกัดให้ตนได้ถ่ายทอดข้อมูลคดีหมูเถื่อนสู่สาธารณะ ตนอยากเรียนว่า คดีหมูเถื่อน 161 ตู้ หรือเลขคดีพิเศษที่ 59/2566 จะเกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความเสียหายที่เกษตรกรไทยตัวเล็กๆ ภายในประเทศของเราต้องประสบพบเจอ มันเกิดจากคราบน้ำตา การกู้หนี้ยืมสิน การต้องละทิ้งอาชีพเลี้ยงปากท้องของตัวเอง เพียงเพราะคนกลุ่มใหญ่ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากการทุจริต จนถึงวันนี้ล่วงเลยมากว่า 1 ปีแล้วที่หน่วยงานเจ้าของสำนวนคดีอย่างดีเอสไอยังคงเดินหน้าค้นหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และมุ่งมั่นรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญ และเร่งสอบคำให้การของพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์จากคดีพิเศษเพียงเลขคดีเดียว

ปัจจุบันแตกย่อยออกเป็น 2 กลุ่มคดีใหม่ คือ คดีหมูเถื่อนกว่า 2,388 ตู้ ที่ตกค้างอยู่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และคดีเนื้อสัตว์เถื่อนนานาชนิดกว่า 10,000 ตู้ ที่ถูกนำออกจากท่าเรือฯ ส่งจำหน่ายทั่วประเทศ และพวกเราทุกคนก็คือผู้บริโภคสัตว์เนื้อแดงในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะมันคือราคาที่เกษตรกรไทยถูกกดโดยกลุ่มนายทุนที่ใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ จ่ายส่วยขอลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์จากต่างประเทศมาขาย มาวันนี้คดีเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว ภาพรวมที่ผ่านมา จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นบริษัทชิปปิ้งเอกชนไปเป็นสิบแห่ง จับกลุ่มนายทุนหมูเถื่อน จับเจ้าของห้องเย็น จับเจ้าหน้าที่รัฐ

“ตนจึงดีใจทุกครั้งที่รู้ว่า ทุกๆ รายงานข่าวของตัวเอง แม้จะเป็นการออกไปเปิดปฏิบัติการตรวจค้นตามพื้นที่เป้าหมายต่าง ๆ มักจะมีพี่น้องเกษตรกรคอยกดอ่าน กดดูไลฟ์ และติดตามอย่างต่อเนื่องเสมอ เรารู้ว่าพี่น้องเกษตรกรรอคอยการสิ้นสุดของขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนเหล่านี้ เพราะมันจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า อาชีพฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ ฟาร์มวัว ของพี่น้องยังมีลมหายใจ ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านติดตามการรายงานข่าวหมูเถื่อนของเดลินิวส์ต่อไปจนถึงตอนจบ”

ส่วน นายยุทธนา เกียรติดำเนินงาม หัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคอีสานตอนบน 1 ในทีมข่าวภูมิภาคที่เกาะติดข่าว ตีแผ่แก๊งมอดไม้ ‘พะยูง-ประดู่’ โยงใยจนท.รัฐ เอื้อใบสั่ง…นายทุนจีน มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า ที่ไปที่มาของข่าวนี้ก็เกิดขึ้นในช่วงของต้นเดือนส.ค. 2566 ซึ่งก็เป็นความจริงนะครับว่าการที่เราตั้งข้อสังเกตแล้วก็ข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาการลักลอบการตัดไม้พะยูงเป็นจุดหนึ่งที่นอกเหนือจากมอดไม้จะเข้าไปขโมยตัดกันแล้ว วันนี้ยังมีในเรื่องของการใช้ช่องว่างของกฎหมายเข้าไปตัดไม้พะยูงโดยเจ้าหน้าที่รัฐซะเอง เมื่อเดลินิวส์ตีแผ่ ทำให้ทุกหน่วยงานให้ความสนใจเอาจริงเอาจังจนเกิดความเปลี่ยนแปลง เพราะเรื่องนี้ ส.ส.วิรัช พิมพะนิตย์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติอภิปรายที่สภาผู้แทน และ กมธ.ป.ป.ช. นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ สามารถหยุดเครือข่ายมอดไม้ส่งจีน

“ข่าวนี้ทำข่าวมาด้วยความยากลำบาก การทำงานมีการเปลี่ยนตัวการทำงาน นักข่าวถูกข่มขู่ แต่ด้วยนโยบายการประสานงานระหว่างกองบรรณาธิการจึงทำให้ความจริงเปิดเผย รางวัลในวันนี้เป็นเพราะบุคลากรทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่หรือส่วนกลางของพวกเราที่สั่งสมให้พวกเราทำงานจนออกมาเป็นผลงานที่ดีต่อประเทศชาติ”

นายยุทธนา กล่าวต่อว่า รางวัลนี้ขอยกให้เดลินิวส์ที่หล่อหลอมเรามาทำงานที่ให้โอกาสพวกเราได้ทำงานตอบแทนคุณแผ่นดินและเพื่อประเทศชาติของเรา.