เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 67 เวลา 19.00 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่บุคคลดีเด่นประจำปี 2566 ของมูลนิธินักข่าวนครราชสีมา เนื่องในโอกาสวันนักข่าว หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ (5 มีนาคมของทุกปี) โดยมีนายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ เอกชน หอการค้าจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด พ่อค้า นักธุรกิจ ร่วมงานจำนวนมาก

นายสุวัจน์ กล่าวว่า โคราชมีความเปลี่ยนแปลงต่างๆไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเกิดจากชัยภูมิที่ตั้งของความเป็นประตูสู่เมืองโคราช และเกิดจากความสําคัญของ จ.นครราชสีมา ที่มีฐานของระบบราชการอยู่ที่นี่ เช่น มีกองทัพภาคที่ 2 มีกองบัญชาการตํารวจภูธรที่ 3 มีสํานักงานศาล มีผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน เขตการทาง เขตชลประทานก็อยู่ที่นี่ ฉะนั้น ศูนย์กลางในการที่จะพัฒนาสร้างความเจริญอยู่ที่ จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ โคราชยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นผู้อาวุโสของบ้านเมืองที่ได้มีส่วนสําคัญ มีท่านรัฐบุรุษอาวุโส พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ฉะนั้น หลายๆ อย่างเป็นองค์ประกอบที่สําคัญที่ทําให้เกิดการรวมตัวกันของกลุ่มและสถาบันที่สําคัญ

นายสุวัจน์ กล่าวว่า อย่างวันนี้ ได้เห็นพลังของมูลนิธินักข่าวนครราชสีมา มีสถาบันองค์กรเอกชนส่วนราชการต่างๆ ที่สําคัญมาอยู่ที่นี่ทั้งหมด ซึ่งคือพลังที่จะทําให้เราเกิดความสําเร็จ แต่สําคัญที่สุดคือ สื่อมวลชนเป็นผู้ชี้เป้า เป็นผู้ชี้ปัญหา และเป็นผู้แนะนำ ดังนั้น เสียงสะท้อนสื่อมวลชนก็คือ เสียงสะท้อนของประชาชนปัญหาที่สื่อมวลชนยกขึ้นมา ก็คือปัญหาของประชาชน ก็อยากจะถือโอกาสนี้ให้กําลังใจและขอบคุณ ขอให้ทุกท่านได้ภาคภูมิใจกับความสำเร็จของความอุทิศตนที่ได้ช่วยกันสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับจังหวัดนครราชสีมา จนวันนี้ เรามี 556 ปี แล้วกําลังจะไปถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจุดเปลี่ยนที่สําคัญของโคราช ก็คือ ถ้ามอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-โคราช เปิดอย่างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ ตอนนี้เปิดครึ่งเดียวโคราช-ปากช่อง แต่ถ้าเปิดอย่างเสร็จสมบูรณ์ 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึงกรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง 10 นาที ถึงเขาใหญ่ นั่นคือจังหวะของการก้าวกระโดดของเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว และถ้าสามารถผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง เสร็จให้เร็ว ก็จะเป็นทางคู่ขนานของระบบขนส่งที่ทันสมัยที่สุดมาสู่ประตูสู่อีสาน มาสู่จังหวัดนครราชสีมา อันนี้คือ จุดเปลี่ยน จุดพลิกผัน เหมือนกับที่สื่อมวลชนได้บอกไปแล้วว่า โคราชกําลังจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนจุดพลิกผันเป็นการก้าวกระโดดอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนา จ.นครราชสีมา

นายสุวัจน์ กล่าวว่าได้เห็นรายชื่อผู้ได้รับรางวัล ทั้ง 7 ท่าน และอีกหนึ่งองค์กร ที่ทำคุณประโยชน์ให้จังหวัดนครราชสีมา ยกตัวอย่าง ด้านกีฬา ได้แก่ ดร.ปทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา คิวมินซี วีซี ที่ทำให้วอลเลย์บอล กลายเป็นสัญลักษณ์ของ จ.นครราชสีมา เป็นหลักและมีชื่อเสียงโด่งดัง ด้านการศึกษาและการท่องเที่ยว ได้แก่ รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผลักดันให้โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ โดยทําเรื่องอุทยานธรณีโคราช จนกลายเป็นอุทยานธรณีโลก ทำให้โคราชเป็นเมืองที่มียูเนสโก รับรองสถานที่ท่องเที่ยวเป็น 3 แห่งในจังหวัดเดี่ยว

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า ด้านการพัฒนาเมือง ได้แก่ นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เป็นข่าวดีของเมืองโคราช วันนี้ คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติองค์การขยายท่อประปาแห่งใหม่ ให้กับจังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 1,995 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถส่งน้ำดิบเข้าโรงกรองน้ำประปาจากเดิม 90,000 คิวต่อวัน เป็น 150,000 คิวต่อวัน โดยจะเดินท่อน้ำดิบแห่งใหม่ จากลําตะคองมาเข้าสู่โรงกรองมะขามเฒ่า แล้วขยายโรงกรองมะขามเฒ่า และปรับปรุงระบบประปาท่อจ่ายน้ำมายังในเมือง อันนี้ ถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับจุดเปลี่ยนของ จ.นครราชสีมา ซึ่งบุคคลดังกล่าว ทางมูลนิธินักข่าวฯ ได้ให้เกียรติถือว่าเป็นบุคคลที่สําคัญ การที่มูลนิธิได้ให้รางวัลกับบุคคลที่สำคัญ ถือว่าเป็นกําลังใจให้กับคนที่ได้อุทิศตน เพื่อประโยชน์ของการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์

“ผมถือว่าสื่อมวลชนของ จ.นครราชสีมา ได้ทําหน้าที่อย่างเต็มภาคภูมิ อย่างมีศักดิ์ศรี และมีประโยชน์อย่างยิ่ง ก็ถือโอกาสนี้ ขอบพระคุณ และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน” นายสุวัจน์ กล่าว.