เมื่อเวลา 13.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 4 ชม.) วันที่ 6 มี.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย (Leaders’ Retreat) ณ ห้อง State Ballroom ที่ Government House Victoria โดยนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เป็นผู้กล่าวเปิด และกล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “วิสัยทัศน์ต่อภูมิภาค ประเด็น สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และแนวทางความร่วมมือระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียในการรับมือ กับปัญหาท้าทายร่วมกัน” (Vision for the Region, Strategic Issues and How ASEAN and Australia Can Work Together to Address Shared Challenges) จากนั้น ผู้นำประเทศอาเซียนจะกล่าวถ้อยแถลง

โดยนายกฯ กล่าวเชื่อมั่นว่าความมั่นคงในภูมิภาค ภูมิทัศน์ของโลก และการร่วมกันจัดการกับข้อห่วงกังวลร่วมกันจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งจำเป็นต้องส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจ ซึ่งยินดีที่สหรัฐและจีน ใช้ไทยในการเป็นเวทีสำหรับการหารือเพื่อรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ และยินดีให้ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล ทั้งนี้ ในส่วนของตะวันออกกลาง มีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในฉนวนกาซา ต้องการย้ำข้อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง และการสู้รบ เรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันทั้งหมดทันที ซึ่งรวมทั้งคนไทยด้วย

นายกฯ กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมา เชื่อว่าทางออกที่สันติ มั่นคง และเป็นหนึ่งเดียว ของเมียนมาคือทางออกด้านการเมือง อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไทยได้ริเริ่มโครงการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของอาเซียนในการผลักดันฉันทามติ 5 ข้อ หวังว่าจะเป็นเส้นทางสู่การเจรจาที่สร้างสรรค์ และเป็นเวทีสำหรับการมีส่วนร่วมของเมียนมากับประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งยินดีที่อาเซียนสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ และหวังว่าออสเตรเลีย จะสนับสนุนความคิดริเริ่มนี้ด้วย

นายกฯ กล่าวต่อถึงความจำเป็นในความร่วมมือเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นความท้าทายที่ชัดเจน และเป็นปัจจุบัน เราต้องพยายามมากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำ และเป็นศูนย์กลางของรถยนต์ไฟฟ้า โดยไทยได้เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนโดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 50% ภายในปี 2040 รวมทั้งออกพันธบัตรด้านความยั่งยืน และได้ระดมทุนไปแล้ว 12.5 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

“นอกจากนี้ ความท้าทายเร่งด่วนอีกประการ คือปัญหา PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ ไทยร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Plan of Action: CLEAR Sky) ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันข้ามพรมแดน ซึ่งหวังว่าจะได้ร่วมมือออสเตรเลียในด้านนี้ ท้ายที่สุดนี้ ความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาความเป็นหุ้นส่วน สู่ภูมิภาคที่มีสันติสุข มั่นคง และมีเสถียรภาพ นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าที่ประชุมจะประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่ได้แลกเปลี่ยนกันวันนี้” นายกฯ กล่าว.