เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตร และสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่หลายจังหวัดในภาคเหนือ ยังคงประสบปัญหาไฟป่า ซึ่งวานนี้พบจุดความร้อนทางภาคเหนือกว่า 470 จุด โดยพบว่าจังหวัดที่มีจุดความร้อนมากที่สุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 109 จุด จ.ตาก 90 จุด และจ.แม่ฮ่องสอน 76 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนฯ และ เขต ส.ป.ก. ซึ่งส่งผลทำให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานต่อเนื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งควบคุม แต่ขอให้คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย หลังมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เกิดขึ้น

นายชัชวาล กล่าวว่า ทั้งนี้ข้อมูลจากอาสาสมัครดับไฟป่าและหน่วยงานของรัฐพบว่า สถานการณ์ไฟป่าส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือมนุษย์ โดยเฉพาะในฤดูแล้งซึ่งเป็นฤดูกาลที่ต้องเตรียมพื้นที่สำหรับทำการเกษตร โดยจุดพีคของไฟป่าคือเดือนเม.ย.เป็นต้นไป เพราะความชื้นความร้อนถูกสะสมจนเกินความเหมาะสม เมื่อมีการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เกิดขึ้น จึงทำให้ไฟลุกลามขยายตัวแบบทวีคูณได้ถึง 10 เท่า ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากปัญหาแล้ว พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า การแก้ไขปัญหาจะต้องดำเนินการที่ต้นเหตุ นั่นคือการควบคุมหรือการยุติการเผา

นายชัชวาล กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย ขอถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า การปลูกพืชบนที่ลาดเชิงเขา ซึ่งนิยมทำกันมากในพื้นที่ภาคเหนือนั้น จะมีมาตรการอย่างไร จึงจะหยุดการเผาได้ ควรส่งเสริมการปลูกไม้ทางเศรษฐกิจ และไม้มีค่ามากขึ้นหรือไม่ ซึ่งยังไม่เห็นแผนงานในส่วนนี้จากภาครัฐ ทั้งที่เรื่องเหล่านี้ สามารถเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาล ขณะเดียวกันยังไม่เห็นยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประเทศไทยได้ป่าเพิ่มขึ้น ได้คาร์บอนเครดิตเพิ่มขึ้น อันจะนำมาซึ่งการส่งเสริมให้คนตัวเล็กหรือเกษตรกรมีรายได้ดีขึ้นด้วย

“พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่ารัฐบาลต้องมีมาตรการเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ พร้อมกับการสนับสนุนเครื่องมือให้เกษตรกร นำไปปรับปรุงพื้นที่ ปรับปรุงดิน ปรับปรุงพื้นที่รองรับการทำเกษตร ซึ่งบริหารประเทศมากว่า 6 เดือนแต่ยังไม่เห็นความชัดเจน จึงอยากถามว่าจะรอถึงเมื่อใด จะต้องให้คนไทยตายผ่อนส่งไปอีกนานเท่าใด” นายชัชวาล กล่าว

นายชัชวาล กล่าวว่า ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทย ขอเชิญชวนอาสาสมัคร ทั้งในส่วนของภาคประชาชน หน่วยงานของรัฐ หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ร่วมใจหยุดไฟป่า รณรงค์ให้ยุติปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยปละละเลย จะก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาวต่อประเทศ ทั้งในแง่ของสุขภาพและเศรษฐกิจโดยรวม จึงวิงวอนทุกภาคส่วน ร่วมปักธงหยุดไฟป่าไปพร้อมกัน.