เมื่อวันที่ 11 มี.ค. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยผลการจับกุมตัว นายมีชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชร ที่ 38/2548 ลงวันที่ 8 ก.พ. 2548 ในข้อหา “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง” โดยจับได้เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ในเขตบางบอน กทม.

สืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ส.ค. 2547 ผู้ต้องหากับพวก ร่วมกันมอมเหล้าผู้เสียหาย จากนั้นได้พาไปข่มขืนกระทำชำเราที่ห้องพักของเพื่อน ในพื้นที่ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ต่อมาผู้ต้องหาทราบว่าตัวเองถูกออกหมายจับ จึงหลบหนีออกจาก จ.กำแพงเพชร ตระเวนหลบหนีไปตามจังหวัดต่างๆ โดยจะไม่ทำบัตรประชาชนใหม่ ไม่ทำเอกสารราชการใดๆ ไม่ใช้บัญชีธนาคารตัวเอง เพื่อป้องกันการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทำบัตรประชาชนครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2545

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้แกะรอยผู้ต้องหา จนทราบว่ามาทำงานก่อสร้างอยู่กับนายจ้าง ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และไปอยู่ไซต์งานก่อสร้างที่ เขตบางบอน กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเฝ้าติดตามและเข้าจับกุมในที่สุด

จากการสอบสวนเบื้องตน ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยพยายามบ่ายเบี่ยงและปฏิเสธว่าไม่ได้บังคับข่มขืนใจผู้เสียหาย โดยอ้างว่าตนได้ไปจีบผู้เสียหายในผับแห่งหนึ่งที่ จ.กำแพงเพชร เมื่อผับปิดในวันดังกล่าว ก็ชวนกันไปดื่มต่อ อ้างว่าผู้เสียหายยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วย ได้พาไปที่ห้องพักของเพื่อนผู้ต้องหา พร้อมกับเพื่อนของผู้ต้องหาอีกหลายคน จากนั้นได้กระทำชำเราผู้เสียหาย เมื่อผู้ต้องหาทราบว่าผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับตน จึงได้หลบหนีออกจากบ้านที่ จ.กำแพงเพชร มาใช้ชีวิตใน กทม. และ จ.สมุทรปราการ ทำอาชีพเป็นช่างก่อสร้างกับเพื่อนที่รู้จัก เพื่อนำเงินมาเลี้ยงชีพในระหว่างหลบหนี มีรายได้วันละประมาณ 500 บาท พักอาศัยในแคมป์คนงานก่อสร้างตามที่ได้รับจ้าง โดยหลังก่อเหตุ ไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเลย ไม่มีการเก็บเอกสารหรือบัตรประจำตัวต่างๆ ที่แสดงตัวตน ไม่ทำบัตรประชาชนใหม่ ไม่ทำเอกสารราชการใดๆ ไม่ใช้บัญชีธนาคารตัวเอง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกจับกุม

จากการสอบถามผู้เสียหาย แจ้งว่าถูกผู้ต้องหากับพวกหลายคนมอมเหล้าจนไม่ได้สติ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องพักของเพื่อนผู้ต้องหาและได้ข่มขืนผู้เสียหายโดยไม่ได้ยินยอมแต่อย่างใด ทราบจากเจ้าของห้องพักดังกล่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้เสียหายเคยพาหญิงอื่นมากระทำลักษณะดังกล่าวแล้วหลายครั้ง ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวต่อว่า ขอเตือนภัยสุภาพสตรีที่ชอบเที่ยวกลางคืน ต้องระมัดระวังบุคคลแปลกหน้าโดยการดื่มเครื่องดื่มมึนเมา จากบุคคลที่ไม่รู้จัก อาจเกิดเหตุร้าย โดยตามนโยบายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้สืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ว่าคดีจะผ่านมานานเท่าใด ตราบใดที่หมายจับยังไม่ขาดอายุความ สืบนครบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ จะติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีอย่างสุดความสามารถทุกราย.