เมื่อวันที่ 13 มี.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา ที่ ค.42-43/2567 ลงวันที่ 7 มี.ค. ตรวจสอบอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งใน จ.สงขลา ก่อนจับกุมนายใจ (นามสมมุติ) ชาว จ.สงขลา พร้อมของกลางใบคู่มือจดทะเบียนรถ จำนวน 4 เล่ม, ใบแทนโฉนดที่ดิน ไว้สำหรับค้ำประกันเงินกู้ จำนวน 7 ฉบับ, สำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ไว้สำหรับค้ำประกันเงินกู้ จำนวน 3 ฉบับ และของกลางอื่นๆ หลายรายการ

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ยึดโฉนดที่ดิน แล้วยังตามทวงเอาดอกเบี้ยเพิ่ม จนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติสุขได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนทราบว่า นายใจประกอบอาชีพเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้เป็นอาชีพหลัก มีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการแอบลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยมีการส่งนายหน้าไปหากลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดสดต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมไปถึงประชาชนในละแวกใกล้เคียง แล้วโฆษณาชักชวนให้กู้ไม่จำกัด โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ในอัตราร้อยละ 5-10 ต่อเดือน โดยใช้การอำพรางสัญญาว่าเป็นการซื้อสิ่งของ เช่น โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ โดยที่ไม่ได้เป็นการซื้อสินค้านั้นจริงๆ หรือการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 60-120 ต่อปี จะต้องมีการวางโฉนดไว้เป็นหลักค้ำประกัน หากเป็นโฉนดที่ไม่ใช่การขายฝาก จะใช้วิธีการฟ้องบังคับจำนองกับโอนลอย ซึ่งได้ทำมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และมีพฤติการณ์ในการทวงหนี้ ไปติดตามทวงหนี้จากลูกหนี้ มีการข่มขู่ลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้ได้รับความเสียหาย อับอาย และเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลแขวงสงขลา เพื่อเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว

นอกจากนี้ได้ขอตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ ยังพบว่ามีการข้อความสนทนาเกี่ยวกับปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อยู่ในแอปพลิเคชันไลน์ โดยสอบสวนให้การยอมรับว่า ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลจริง และของกลางที่พบถูกใช้เป็นเอกสารใช้แทนหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน หากผู้กู้ไม่ชำระ ก็จะใช้เอกสารดังกล่าวในการฟ้องบังคับคดี และรับว่าตนให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3-5 ต่อเดือนจริง โดยภาพถ่ายข้อความการสนทนา เป็นข้อความการสนทนาพูดคุยติดตามทวงหนี้เงินกู้จากผู้กู้กับตนเองจากโทรศัพท์ของตนเองจริง

เบื้องต้นจึงได้จับกุมในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยจัดหามาซึ่งเงินทุนให้ผู้อื่นกู้ยืมเงิน โดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะ เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” นำตัวส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.