ตามที่นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้กำชับให้เร่งกวดขันปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชน โดยมอบหมายให้ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ลักลอบขาย บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า

ล่าสุดวันนี้ 15 มี.ค. นายธสรณ์อัฒฑ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ อำนวยการโดย พันตำรวจเอกประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ.ร่วมกับกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชนมีทั้งกลุ่มเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมากย่านคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนมาเป็นจำนวนมากด้วยกลัวว่าบุตรหลานของตนจะได้รับอันตรายจากสินค้าประเภทนี้ ตนเคยร้องไปหลายไปหน่วยงานแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงได้มาร้องเรียนที่ สคบ.

ซึ่งในเวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษฯ สคบ. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคได้เดินทางเข้าพื้นที่ไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พบเป็นบ้านทาวน์เอ้าส์ 2 ชั้น พบมีชายสองคน หญิงหนึ่งคน ทำหน้าที่ขายบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นแอดมินรับออเดอร์บุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและยึดของกลางทั้งหมดและดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสามราย ในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่สคบ. พร้อมกรมควบคุมโรคได้เดินทางไปยังตลาดนัดย่านเดียวกัน พบมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า อีก 2 ร้าน จึงได้ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดพร้อมดำเนินคดีผู้ขายทั้งหมด ในการปฏิบัติการครั้งนี้สามารถยึดของกลางได้จำนวน 3,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 500,000 บาท

นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาสคบ. กล่าวว่า “ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงานและเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่จะเป็นกำลังของชาติในอนาคต จึงต้องช่วยกันทุกภาคส่วนเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ“

ทั้งนี้ การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 8/2558 เรื่อง “ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งหากว่าใครฝ่าฝืนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือ www.ocpb.go.th หรือศูนย์ดำรงธรรม ในทุกจังหวัด