น.ส.นฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รักษาการแทน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit เปิดเผยว่า สินค้าศิลปหัตถกรรมไทยเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติและชุมชนอย่างมหาศาล ซึ่งจากการสำรวจของสื่อระดับโลก US.News ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งด้านมรดกทางวัฒนธรรมในอันดับที่ 9 ของโลก และที่ 2 ของเอเชีย และมีอิทธิพลทางวัฒนธรรม ในอันดับที่ 20 ของโลก 

ดังนั้น sacit จึงได้เร่งส่งเสริมในสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้ปรับตัวรับกับกระแสความนิยมวัฒนธรรมไทย โดยการเร่งพัฒนาศักยภาพสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยการจัดงาน “sacit Craft Power” ซึ่งจะรวบรวมทิศทางการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยในทุกสาขา เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาต่อยอดสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จึงได้นำแนวโน้มเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในอนาคตมาวิเคราะห์ถึงให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภค รวมไปถึงข้อจำกัดทางการค้า และสิ่งแวดล้อม มาสังเคราะห์ เพื่อให้มองแนวโน้มหัตถกรรมร่วมสมัยในอนาคตได้อย่างชัดเจน ใช้เป็นแนวทางนำไปปรับปรุงสินค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญของงาน sacit Craft Power ที่จะนำความรู้ที่ได้มาต่อยอดสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้โดดเด่นในเวทีโลก และมุ่งไปสู่กระแสความต้องการสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติและที่ปราศจากสารเคมี เช่น เครื่องแต่งกายที่ผลิตจากเส้นใยและสีย้อมตกแต่งจากธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยก็มีความโดดเด่นในงานสิ่งทอจากฝ้ายและไหม การแกะสลักไม้ งานจักสาน งานเซรามิก 

รวมทั้งการผลิตตามหลักการของ BCG (บีซีจี) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ผลิตสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยก็ยึดแนวทางนี้เป็นหลักแต่ผู้ซื้อยังขาดความเข้าใจ โดยหลังจากนี้จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์ และเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มาจากธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความนิยม และมั่นใจว่าสินค้าเหล่านี้มีความทนทานและใช้งานได้ดี