เมื่อวันที่ 9 เม.ย. เวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เกินค่ามาตรฐานในภาคเหนือ

ต่อมา เวลา 12.40 น. พล.ต.อ.พัชรวาท พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุม โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ 3 เรื่อง ในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว โดยให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. นี้ อีกทั้งให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่ต้องรับผิดชอบ 8 อำเภอ ซึ่งมีการประกาศภัยพิบัติ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง นอกจากนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัดเป็นผู้ให้ข่าวคนเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ เราได้บูรณาการการทำงานตามมาตรการ 9 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

เมื่อถามว่าปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่กระทรวงทรัพยากรฯ ถูกมองว่าออกมาดำเนินการต่างๆ ตอนนี้ล่าช้าเกินไป ถือว่าเป็นวัวหายล้อมคอกหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ไม่มีวัวหายล้อมคอก เราทำมาตลอดและทำอย่างจริงจัง

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในวันที่ 10 เม.ย. นี้ ศูนย์ปฏิบัติการที่ จ.เชียงใหม่ จะมีความพร้อมดำเนินการ และจะมีข้าราชการระดับซี 10 จากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องไปร่วมปฏิบัติการ ขณะที่กองทัพบก กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ไปสนับสนุนที่ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมแก้ปัญหาด้วย ส่วนกองทัพบกได้มีการประสานงานผ่านทางคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ขณะที่นายจตุพร กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการนี้ จะครอบคลุมการบริหารจัดการแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในทุกมิติ ส่วนการดูแลเบื้องต้นสำหรับประชาชนที่ประสบปัญหานั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปดูแล ในส่วนการบังคับใช้กฎหมาย เป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งในทุกจังหวัดจะมีการเปิดศูนย์ฯ และทางกระทรวงต่างๆ จะส่งเจ้าหน้าที่และข้อมูล เข้าไปร่วมในทุกศูนย์ของแต่ละจังหวัดที่มีปัญหาฝุ่น