เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงสงกรานต์จะชุ่มฉ่ำหรือร้อนแรง ว่า ช่วงนี้ฝนตกลงมา นอกจากลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ยังลดสถานการณ์ความร้อนแรงทางการเมืองลงมาด้วย และสภาปิดสมัยประชุม จึงเป็นช่วงเวลาการทำงานของฝ่ายบริหาร ที่ทำงานอย่างมีคุณภาพ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนจะปรับหรือไม่ปรับนั้น ตนไม่ทราบ แต่ได้ยินจากสื่อมวลชน โดยวันนี้ตนเห็นว่ากระแสข่าวการปรับ ครม.มีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นจะต้องจับตาดูว่าอะไรเป็นอะไร และใครจะไปอยู่ที่ไหน อย่างไร แต่ส่วนตัวตนยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่าจากประสบการณ์ของนายสมศักดิ์ คิดว่าช่วงนี้ควรมีการปรับ ครม.แล้วหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยจะมีการปรับบ่อยเพื่อแก้ปัญหาในขณะนั้น และอาจเป็นไปตามที่มีข่าวออกมา รวมถึงอีกกระแสหนึ่งมีการโหมมาในลักษณะนี้ จะมีข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามดู

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความเคลื่อนไหวมากขึ้นถูกมองว่าอาจจะทำให้การเมืองกลับไปเป็นเหมือนเก่าหรือไม่ ว่า  นายทักษิณเป็นคนทำงาน และการหยุดไป 17 ปี ในสมองของท่านคงมีแต่เรื่องการพัฒนา ขณะเดียวกัน สิ่งที่นายทักษิณเห็นรอบโลกนั้น ท่านเห็นอะไรมามาก และท่านอยากให้ประเทศไทยเหมือนต่างประเทศที่มีอะไรดีๆ ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นการเสริมกัน

เมื่อถามว่าประชาชนบางส่วนยังกังวลระบอบทักษิณจะกลับมา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เข้าใจว่าระบอบทักษิณเป็นอย่างไร แต่การกลับมาของนายทักษิณจะทำให้แนวของความสมานฉันท์เป็นประเด็นสำคัญ และคงไม่ทำให้เกิดความแตกแยกอย่างแน่นอน  ต่อข้อถามว่าการกลับมาของนายทักษิณจะทำให้สมานฉันท์ได้อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อก่อนไม่ได้มีความสมานฉันท์ แต่แบ่งเป็นขั้ว เป็นอะไรต่างๆ หลังจากนั้น ตนคิดว่า แนวทางของการเมืองออกแนวสามัคคีและเดินหน้า

เมื่อถามว่าตอนนี้ถือว่าพรรคก้าวไกลถูกทิ้งอยู่พรรคเดียวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงเป็นขั้วการเมืองที่ต้องแก้ปัญหาของพรรคตัวเองมากกว่า เราคงไม่นำมาฉุกคิดเป็นเรื่องของขั้วการเมืองเพื่อให้เสียเวลาการพัฒนาประเทศ.