เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่หมู่บ้านผาฮวกพัฒนาชาวประชาสามัคคี  ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จัดงาน “ปิดเหมืองหินแล้วจ้า ฮอดเวลาม่วนซื่น ก้าวต่อไป…ดงมะไฟแห่งชัยชนะ”  ซึ่งวันที่ 10 เม.ย.นี้เป็นวันสุดท้ายที่ใบอนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อกิจการโรงโม่หมดอายุลง หลังก่อนหน้าประทานบัตรเหมืองหินหมดอายุลงเมื่อปี พ.ศ. 2563 เท่ากับว่าเป็นการสิ้นสุดสัมปทานเหมืองหินทุกอย่างอย่างเป็นทางการ  กลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงใช้โอกาสเนื่องในเทศกาลสงกรานต์เชิญชวนประชาชนและเครือข่ายร่วมเฉลิมฉลองชัยชนะในการปิดเหมืองแร่และโรงโม่หินในพื้นที่อย่างสมบูรณ์แบบในครั้งนี้

โดยกิจกรรมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า มีการแห่กลองยาวจากหมู่บ้านผาฮวกฯ ไปยังภูผาฮวก จากนั้นเป็นการจัดพิธีปิดเหมืองหินและพิธีกรรมเรียกขวัญลูกหินกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่ผาฮวก หาบหินคืนภูเขา พร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ภูผาฮวก เยี่ยมชมรูปภาพคนปิดเหมือง ประทับรอยมือรอยเท้ากลุ่มอนุรักษ์ฯ ตามด้วยการขึ้นป้ายผ้าแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “เหมืองจบแล้วที่รุ่นเรา”  ปักป้าย “ฟื้นฟูภูผาป่าไม้” เพื่อประกาศความสำเร็จในการทวงคืนเหมืองหิน ฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับสู่สภาพเดิม การแสดงดนตรีจากวงซอฟบ้านโคก และวงนักอนุรักษ์น้อย ซึ่งมีชาวบ้านในพื้นที่และเครือข่ายร่วมในงานอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น

ทั้งนี้ น.ส.พนมวรรณ นามตาแสง ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ กล่าวตอนหนึ่งว่า ระหว่างที่เราปักหลักชุมนุมกว่า 1,138 วัน คดีศาลปกครองมหากาพย์ 11 ปี ได้ถูกตัดสินมีคำพิพากษาให้เพิกถอนประทานบัตรในระหว่างที่เราได้ปิดเหมืองหินสำเร็จไปแล้ว มันคือการยืนยันสิทธิในการปกป้องทรัพยากรของกลุ่มอนุรักษ์ฯ อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์ฯ ยังถูกนายทุนฟ้องปิดปากให้รื้อแคมป์ออกไป ทั้งที่การปักหลักชุมนุมที่นี่เป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราไม่ได้ปิดทางเข้าออก แต่เราแค่ยืนยันสิทธิว่าสิ่งที่บริษัททำตลอดมาคือการทำเหมืองที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนทุกคนสามารถเรียกร้องสิทธิของเราได้

“ชัยชนะของดงมะไฟไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่งแต่เกิดจากคนทุกคนที่อยู่ในกลุ่มอนุรักษ์ฯ ร่วมมือกัน และชัยชนะที่เกิดขึ้นจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ แต่ชัยชนะของเราต้องไปต่อ แม้ว่าการทำเหมืองหิน ประทานบัตร หรือการอนุญาตให้เข้าใช้ป่าสงวนฯ ได้หมดลงไปแล้ว แต่มันยังมีสิ่งหนึ่งที่ครอบพื้นที่นี้อยู่ก็คือเขตประกาศแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าในอนาคตอาจจะมีนายทุนหรือบริษัทอื่นมาขอทำเหมืองในภูผาฮวกฯ ก็ได้ ชัยชนะที่ต้องไปต่อคือเราต้องยกเลิกประกาศเขตแหล่งแร่เพื่อให้พื้นที่นี้กลับสู่ชุมชนเป็นป่าชุมชนอย่างแท้จริง ให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ในทรัพยากรเป็นป่าส่วนรวม และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคตให้ได้” น.ส.พนมวรรณ กล่าว.