เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ จ.หนองบัวลำภู นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประกาศ กกต.ที่ระบุว่าการรณรงค์ชักชวนคนให้ลงสมัคร สว.อาจเข้าข่ายมีความผิด มีความกังวลเรื่องนี้หรือไม่ ว่า ไม่กังใจใจอะไร ก็คงเดินหน้าทำงานตามปกติ ตนเชื่อว่าสิ่งที่เราทำคือการรณรงค์ให้คนมาสนใจการเลือก สว. ให้คนมาลงสมัคร สว.นั้นเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเมืองไทย และไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีความกังวลใจและทำงานต่อ อย่างวันนี้ก็อยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู และในวันที่ 29 เม.ย.ก็จะไปรณรงค์ในลักษณะเดียวกันที่ จ.สกลนคร

เมื่อถามว่าอยากให้ กกต.ทบทวนคำสั่งหรือประกาศที่ออกมาหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า คิดว่าประกาศฉบับนี้อาจมีข้อท้วงติงทางกฎหมายได้ ว่า กกต.อาจจะใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเนื้อหานั้นตนเห็นว่าเป็นเนื้อหาที่ขัดต่อการพัฒนาการเมืองไทย ที่สำคัญมากนั่นก็คือลองคิดดูว่าคนจำนวนมาก ไม่สนใจ ไม่เล็งเห็นความสำคัญของการเลือก สว.และไม่เข้ามามีส่วนร่วมก็จะทำให้การเลือก สว. นั้นเป็นการเลือกที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมน้อยมาก ซึ่งจะเอื้อต่อการซื้อเสียง และเอื้อต่อการเกณฑ์คนที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันมาลงสมัคร ทำให้วัตถุประสงค์ที่อยากให้ สว.มาจากกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย และเป็นที่ยอมรับในวิชาชีพนั้นๆ เป็นไปได้ยาก สุดท้ายก็จะได้แต่คนที่มีทรัพยากร ในการเกณฑ์พวกพ้องกันมาสมัคร 

ต่อข้อถามถึงข้อครหาว่าการรณรงค์ของคณะก้าวหน้าอาจทำให้ได้ สว.สีส้ม ทางคณะก้าวหน้าจะชี้แจงอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า “ผมว่าไม่ต้องกลัวหรอกครับ สว.สีส้ม กลัว สว.สีอื่นดีกว่า เพราะว่าเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่เราทำก็คือการรณรงค์ให้คนตระหนักถึงความสำคัญ และมาลงสมัครกัน สำหรับคนที่มีทรัพยากรที่พอจะจ่ายค่าสมัคร 2,500 บาทได้บ้าง ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองแบบไหน จะรักชอบพรรคก้าวไกลหรือว่ารักชอบพรรคการเมืองอื่น ก็ไม่เป็นไร ยิ่งมีคนมาสมัคร ยิ่งเยอะเท่าไร ก็จะทำให้สุขภาพของการเมืองไทยดีขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเชิญชวนประชาชนทุกคน ทุกอุดมการณ์ทุกเฉดสีเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกสว.ครั้งนี้”

นายธนาธร ยังกล่าวถึงกรณีคดีการยุบพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องการยุบพรรคขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ แต่จากที่ได้รับทราบข้อมูลในส่วนทีมงานของพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นว่าจะสามารถอธิบายข้อกล่าวหาทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามไม่สำคัญว่าพรรคจะถูกยุบหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับว่ามีสมาชิกกว่า 1 แสนคนที่อยู่กับพรรคก้าวไกลตอนนี้จะไปต่อกับพรรคหรือไม่ ดังนั้นชื่อพรรคจึงไม่สำคัญ.