ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อดำเนินการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในทุกพื้นที่ของประเทศ โดยมีเครือข่ายอาสาสมัครกว่า 1,600 เครือข่ายทั่วประเทศ ที่จะเข้ามาช่วยในงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือ อส.อส. เกิดขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึก และให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับภัยอันตรายที่เกิดจากไฟป่า อีกทั้งยังป้องกัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นพิษ Pm2.5 ในพื้นที่อนุรักษ์ และป่าสำคัญอื่นๆ กรมอุทยานฯ มีการจ้างประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่ามาประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า และให้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,000 บาท มีกรอบการว่าจ้าง 2 เดือนครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม-31 พฤษภาคม เฉลี่ยวันละ 300 บาท ตั้งไว้ 1,582 จุด ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จุดละ 3 คน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟ หากมีอุณหภูมิที่ร้อนและสูงขึ้นอาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในพื้นที่ดับไฟป่าได้ รวมทั้งความอ่อนล้าของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ และเบื้องต้นกรมอุทยานฯ จัดเวลาและแบ่งกำลังพลออกไปทำงานและพักผ่อน 2-3 วัน สับเปลี่ยนกำลังลดความเหนื่อยล้าให้ได้มากที่สุดและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพร่างกายระหว่างเข้าดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงเกิดเครือข่ายฯ ดังกล่าว เข้ามาช่วยกันแบ่งเบาเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน เครือข่าย อส.อส. ตั้งไว้ 1,600 กว่าหมู่บ้าน ประชาชนทั่วไปเป็นสมาชิกได้หมด ปีนี้ชาวบ้านช่วยกันเต็มที่ สถานการณ์ไฟป่ามีความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนกับเชียงใหม่ ในปีที่ผ่านมา ถ้าเปรียบเทียบปีนี้แล้ว ไฟป่าลดลงถึง 38% และคนจุดไฟจำนวนมาก มาเข้าร่วมเครือข่ายนี้และกลับใจมาช่วยกันดับไฟ

สำหรับการทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ จะคอยประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนในชุมชน ทำหน้าที่หลัก คือ การช่วยประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะจัดเจ้าหน้าที่ฯ ออกสำรวจว่าชาวบ้านในหมู่บ้านไหนสนใจเป็นเครือข่ายฯ นี้ สามารถยื่นใบสมัครได้เลย รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนให้กลุ่มละ 50,000 บาท เพื่อให้เครือข่ายไปซื้ออุปกรณ์ดับไฟ ทั้งการจัดซื้อเครื่องเป่าลม ค่าประกอบเลี้ยง อุดหนุนกิจกรรมในหมู่บ้านในการป้องกันไฟป่า และอื่นๆ เชื่อว่างบประมาณส่วนนี้จะช่วยควบคุมและลดไฟป่าให้มีประสิทธิภาพขึ้น ที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับดีมากและยังมีแนวโน้มที่จำนวนสมาชิกจะมีเพิ่มขึ้นทุกภาคส่วนเพราะทุกคนอยากมาช่วยกัน ดับไฟ ทั้งจังหวัด ทั้งทหารมาช่วยกันหมด และชาวบ้านเริ่มเห็นโทษของ Pm2.5 มีชาวบ้านกลับใจจากการคนเคยจุดไฟเผาป่ามาเข้าร่วมจำนวนมากขึ้น สำหรับการทำงานของสมาชิกเครือข่าย อส.อส. จะมีเจ้าหน้าที่สถานีไฟป่า คอยแนะนำ ติดตามและไปอยู่ด้วย ไม่ได้เน้นให้เขาดับไฟ แต่เน้นให้เขาแจ้งเหตุ แจ้งเตือน เพราะการจะเข้าไปดับไฟป่ามีอันตราย ไม่ปลอดภัย เครือข่าย อส.อส. จึงทำหน้าที่ในการช่วยประชาสัมพันธ์ เป็นหูเป็นตาให้กับหมู่บ้านของตนเอง ช่วยแจ้งเหตุไม่ให้เพื่อนบ้านไปจุดไฟ แจ้งเหตุในการป้องกันการเกิดไฟ เพื่อให้สามารถดับได้รวดเร็วทันที ไม่เกิดการลุกลาม การจัดตั้งเครือข่าย อส.อส. จึงเป็นแนวทางในการส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับองค์กรภาครัฐอย่างยั่งยืนต่อไป