เมื่อวันที่ 24 ต.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ที่ตั้งเป้าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารท็อปเทนของโลกควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวบนฐานเกษตร 4.0 เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน โดยล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นชอบกำหนดโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรม โดยเริ่มต้นจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารใน 18 กลุ่มจังหวัด นำไปสู่การกระจายการลงทุน เพิ่มการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรทั่วทุกภูมิภาคตามศักยภาพของแต่ละกลุ่ม อาทิ กลุ่มจังหวัดอีสานเหนือ จ.อุดรธานี กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน จ.อ่างทอง และในบางพื้นที่ อาจใช้การเพิ่มโซนอุตสาหกรรมเกษตรอาหารในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเดิม สามารถเริ่มจากเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือเขตชุมชนอุตสาหกรรมเพื่อรองรับเอสเอ็มอีเกษตร สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า สำหรับการขับเคลื่อน จะประกอบด้วย 4 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการสร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ เป็นมาตรการสร้างผู้ประกอบอาหารรุ่นใหม่ ให้มีนวัตกรรมอาหาร โดยให้ความสําคัญกับการผลิตอาหารอนาคต เช่น อาหารสุขภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารจากเทคโนโลยีชีวภาพ และอาหารใหม่ 2.มาตรการสร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต เป็นการยกระดับนวัตกรรมอาหารอนาคตสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยนําเอานวัตกรรมมาใช้ในการผลิต และ แปรรูปอาหาร และสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ฉลาด 3.มาตรการสร้างโอกาสทางธุรกิจเกษตรและอาหารทั้งในและต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และ  4.มาตรการสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทย และกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะดึงผู้ผลิตรายใหญ่เข้ามาเป็นผู้มีส่วนร่วมหลักในการพัฒนาควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาเกษตรกรเข้าสู่ระบบ Smart Farming

ทั้งนี้ จะนำร่องด้วย ผำ หรือ ไข่ผำน้ำ ซึ่งเป็นพืชวัฒนธรรมและอาหารพื้นเมืองของไทย มีมากในภาคเหนือและภาคอีสาน ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ดของโลก เพราะมีโภชนาการครบถ้วนสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โปรตีน ประกอบกับเป็นพืชน้ำทรงกลมขนาดจิ๋วจึงได้ฉายาว่า Green Caviar.