สำนักงานอัยการแห่งรัฐเพนซิลเวเนียเผยแพร่แถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า เจเรมี พอลีย์ ชายวัย 41 ปี ยอมรับว่ากระทำความผิดจริงในการนำชิ้นส่วนศพมนุษย์ไปจำหน่ายต่อ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับมาจากการบริจาคให้โรงเรียนแพทย์ในเครือมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตามโครงการ Anatomical Gifts ซึ่งเป็นการบริจาคร่างกายเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ หลังจากที่เขาโดนจับกุมและตำรวจเริ่มการสืบสวนคดีตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พอลีย์ เป็นเพียงหนึ่งในเครือข่ายกระบวนการลักลอบขนส่งและค้าชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ และยังมีผู้ต้องสงสัยรายอื่นที่เป็นผู้ลงมือขโมยศพจากห้องเก็บศพของมหาวิทยาลัย ได้แก่ เซดริค ลอดจ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการห้องเก็บศพของโครงการ 

ลอดจ์ ได้รับข้อกล่าวหาว่าเป็นคนขโมยอวัยวะและชิ้นส่วนอื่น ๆ ของศพผู้บริจาคของโครงการเพื่อการค้นคว้าวิจัย ก่อนที่จะส่งคืนเมื่อถึงกำหนดพิธีศพของผู้ตาย เขาไม่เพียงขนย้ายชิ้นส่วนศพและนำไปเก็บไว้ในบ้านของเขาที่นิวแฮมป์เชียร์ แต่ทั้งเขาและภรรยา ยังจัดการให้ผู้ร่วมกระบวนการเข้าออกห้องเก็บศพที่ฮาร์วาร์ดได้ เพื่อตรวจสอบสภาพศพและเลือกว่าต้องการซื้อชิ้นส่วนไหนบ้าง

แม้ว่าจะไม่ใช้ผู้นำของกระบวนการค้าศพ แต่รูปลักษณ์ภายนอกของ พอลีย์ ซึ่งมีรอยสักครึ่งใบหน้าและฝังเดือยแหลมไว้ที่ศีรษะ มีส่วนทำให้คดีค้าศพมนุษย์ชวนอกสั้นขวัญแขวนยิ่งขึ้น

เมื่อตำรวจมาถึงบ้านของ พอลีย์ พร้อมกับหมายค้น เขาก็พบชิ้นส่วนศพจำนวนมาก ใส่ไว้ในถังหลายใบ ซึ่งมีทั้งสมอง ฟันกับขากรรไกรเด็กและอวัยวะอื่น ๆ 

พอลีย์ โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยตำรวจได้รับโทรศัพท์แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเครือข่ายค้าชิ้นส่วนศพมนุษย์ 

ระหว่างสอบปากคำ พอลีย์ ยอมรับว่าเขามีกระดูกคนจำนวนมากในครอบครอง รวมถึงกะโหลกศีรษะคนราว 15-20 หัว แต่อ้างว่าเขาซื้อชิ้นส่วนเหล่านี้มาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่เป็นการซื้อขายอย่างถูกต้อง อีกทั้งกระดูกมีลักษณะเก่ามาก

บางส่วนของกระดูกมนุษย์ที่ พอลีย์ ซื้อหามา

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ให้เบาะแสเพิ่มเติมว่า พอลีย์ มีถังบรรจุผิวหนังและอวัยวะมนุษย์ ซึ่งตำรวจต้องใช้หมายค้นบ้านทั้งหลัง จึงได้พบชิ้นส่วนศพที่เหลือ นอกจากนี้ พวกเขาขังพบชิ้นส่วนศพเพิ่มเติมเมื่อเข้าไปตรวจสอบพัสดุของ พอลีย์ ที่ที่ทำการไปรษณีย์

จากการสืบสวนพบว่า พอลีย์ เป็นทั้งผู้ซื้อและขายต่อชิ้นส่วนศพที่โดนขโมยมา ซึ่งมีตั้งแต่กะโหลกศีรษะ สมอง หัวใจ ตับ ไต ผิวหนังและตัวอ่อนทารกที่เสียชีวิต โดยมี ลอดจ์ เป็นผู้ขายชิ้นส่วนให้เขาส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งมาจากผู้ร่วมกระบวนการค้าศพจากห้องเก็บศพของมหาวิทยาลัยอาร์คันซอ

คดีของ พอลีย์ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาและค้างคาอยู่ในศาล เนื่องจาก ลอดจ์ ซึ่งเป็นจำเลยอีกคนหนึ่งให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม หาก พอลีย์ ได้รับการตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจต้องรับโทษจำคุกซึ่งมีกำหนดสูงสุดที่ 15 ปี

ที่มา : futurism.com, dailymail.co.uk

เครดิตภาพ : EAST PENNSBORO TOWNSHIP POLICE DEPARTMENT, Facebook / Jeremy Lee Pauley